tag:blogger.com,1999:blog-58485540184478079282024-02-20T07:52:40.261+07:00nookaelคณะครุศาสตร์ หลักสูตรคณิตศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราชUnknownnoreply@blogger.comBlogger15125tag:blogger.com,1999:blog-5848554018447807928.post-74005180141949776462010-02-23T11:51:00.003+07:002010-02-23T12:18:37.348+07:00เรื่อง แสดงความคิดเห็น<div><span style="color:#ffff00;">เรื่อง ขอให้ผู้เรียนแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมทุกคน จากที่เธอได้เรียนวิชาการจัดการชั้นเรียนโดยใช้WeblogหรือฺBlog ผู้เรียนเห็นว่าการใช้งานนี้มีจุดเด่นจุดด้อยอย่างไรให้แสดงความคิดเห็นได้เต็มที่ เพื่อจะนำไปพัฒนาใช้ในโอกาสต่อไป แสดงความคิดเห็นให้ก่อนสอบจะเป็นคะแนนช่วยเพิ่มเติ่ม<br /></span><span style="color:#ff0000;">ตอบ</span> กล่าวถึงจุดเด่น<br />1.เป็นการเรียนรู้ใหม่ที่ดิฉันได้พบเจอในชั้นเรียน <a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiL4xhp6unI4bGsYakV78Rzq72HAq6SRe8I3g7NK5KFV5wqKHUBbAoPF4hLFxuvXZSS77m9_YxZZ1VcJxu750X504ao_P9O5htS-W2wlBqKGq6FgNVTSAA-rtpIop5uYV7vvFPbXL7yHfm_/s1600-h/2.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5441303933601261506" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 210px; CURSOR: hand; HEIGHT: 140px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiL4xhp6unI4bGsYakV78Rzq72HAq6SRe8I3g7NK5KFV5wqKHUBbAoPF4hLFxuvXZSS77m9_YxZZ1VcJxu750X504ao_P9O5htS-W2wlBqKGq6FgNVTSAA-rtpIop5uYV7vvFPbXL7yHfm_/s400/2.jpg" border="0" /></a><br />2.เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ควรเรียนรู้ และนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด<br />3.เป็นการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์และคุ้มค่า<br />4.เป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์<br />จุดด้อยคือ<br />1.เวลาในการเรียนการสอนอาจจะยังน้อยเกินไป ทำให้นักศึกษาบางคนเรียนรู้ได้น้อยและยังไม่เต็มที่</div><br /><div>2.นักศึกษาบางคนยังไม่มีคอมพิวเตอร์จึงทำให้การเรียนรู้ไม่เต็มที่</div><br /><div></div>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5848554018447807928.post-55749147882717245592010-02-17T12:22:00.007+07:002010-02-17T14:50:09.773+07:00ตอบคำถามข้อสอบให้นักเรียนตอบข้อสอบลงในWeblog ของนักเรียนแต่ละคน<br />คำสั่ง ให้นักเรียนทำข้อสอบโดยการแสดงความคิดเห็นสะท้อนข้อคิดพร้อมยกตัวอย่างประกอบในการแสดงความคิดเห็นให้เป็นเหตุเป็นผลของผู้เรียน อาจารย์จะอ่านข้อคิดเห็นที่เป็นเหตุเป็นผลต่อกัน เขียนในWeblog ให้ชวนอ่าน ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้<br /><span style="color:#ffff00;">ข้อที่ 1 กรณีที่เกิดความวุ่ยวายของบ้านเมืองโดยเฉพาะผู้นำประเทศที่ผ่านมา ท่านในฐานะเป็นครูพันธ์ใหม่ ท่านจะแสดงความคิดเห็น อดีตนายกทักษิณ ทั้งข้อดีและข้อเสียของท่าน หากพิจารณาข้อดีและข้อเสียท่านจะนำมาสอนให้ผู้เรียนเกิดความคิดที่จะเป็นผู้นำที่ดีได้อย่างไร<br /></span><span style="color:#ff0000;">ตอบ </span>ตามความคิดเห็นของข้าพเจ้าเกี่ยวกับอดีตผู้นำประเทศนั้น หากพิจารณาถึงข้อดีของท่านแล้วในวาระที่ท่านดำรงตำแหน่งเป็นนายกฯของประเทศนั้นท่านก็ได้สร้างคุณงามความดีที่ควรนำมาสอนหรือเผยแพร่ให้แก่เยาวชนได้นำไปเป็นแบบอย่างในมุมมองที่ว่า“ผู้นำที่ดีเป็นอย่างไร”ดังเช่นกรณีต่อไปนี้คือ<br /><span style="color:#33ccff;">1.การมีวาจาศิลป์</span> คือ การพูดดี พูดเก่ง พูดแล้วทำให้บุคคลอื่นๆเชื่อใจ เชื่อถือและยอมปฏิบัติตามด้วยดี เช่น การที่ท่านนายกรัฐมนตรี ได้ดำเนินการสร้างสัมพันธ์ไมตรีกับต่างประเทศ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การค้า การเงิน ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยเกิดการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วในหลายๆด้าน ทำให้ประชากรมีค่าครองชีพที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด <span style="color:#33ff33;">เพราะฉะนั้นหากผู้เรียนต้องการจะเป็นผู้นำที่ดีนั้นสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ การป็นคนที่มีศิลป์ในการพูด หากนักเรียนเป็นคนรู้จักใช้วาจาให้เกิดประโยชน์แล้ว ผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านก็จะรักและรู้สึกศรัทธาในตัวท่านอย่างแน่นอน</span><br /><span style="color:#33ccff;">2.การมีสติปัญญาดี</span> การมีสติปัญญาดีไม่ได้หมายถึงการศึกษาสูงเพียงเท่านั้น หากแต่ยังหมายถึงความฉลาดหลักแหลม กล้าคิด กล้าทำ กล้าตัดสินใจอย่างคนฉลาดคิด เช่น งานในด้านการเมือง จากสถานการณืที่ไทยเคยตกอยู่ในภาวะวิกฤติการเป็นหนี้ “ไอเอ็มแอฟ”แต่ท่านนายกทักษิณก็ได้ใช้สติปัญญาบวกกับการกล้าตัดสินใจอย่างเด็ด-เดี่ยวจึงสามารถปลดหี้ ไอเอ็มแอฟ ได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว<br /><span style="color:#33ff33;">เพราะฉะนั้นหากว่านักเรียนนำสติปัญญามาใช้ในภาวะผู้นำแล้วก็จะถือได้ว่านักเรียนเป็นผู้นำที่มี ความเก่งและฉลาด สามารถประสบผลสำเร็จในหน้าที่การงานได้เป็นอย่างดี</span><br /><span style="color:#33ccff;">3.การด้านสังคม</span> เช่น <span style="color:#ff6666;">1.นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค</span> <span style="color:#ff6666;">2.การพักชำระหนี้เกษตรกรทำให้เกษตรกร</span>ไทยมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น <span style="color:#ff6666;">3.โครงการบ้านเอื้ออาทร</span> แท็กซี่อาทร ส่งผลให้คนไทยมีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่งเพิ่มมากขึ้น <span style="color:#ff6666;">4.การประกาศสงครามกับยาเสพติด</span> ทำให้ปัญหาด้านยาเสพติดลดจำนวนลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน <span style="color:#ff6666;">5.การเล็งเห็นความสำคัญของการศึกษาของเยาวชนไทย</span> โดยได้มีการจัดมอบทุนการศึกษาแก่นักเรียนที่ยากจนทั่วประเทศ และยังสนันสนุนทุนเรียนต่อยังต่างประเทศ<br /><span style="color:#33ff33;">เพราะฉะนั้นผู้นำที่ดีควรเข้าถึงในทุกๆด้านและควรแสดงความเห็นอกเข้าใจและคอยเอาใจใส่ลูกน้องของตนอย่างสม่ำเสมอ ทั้งในเรื่องการงานและเรื่องส่วนตัว<br /></span><span style="color:#cc66cc;">สรุปได้ว่าจากคุณสมบัติที่ดีทั้งหมดของท่านนายกทักษิณหากนักเรียนนำมายึดถือเป็นแนวทางการเป็นผู้นำที่ดีแล้วก็จะทำให้นักเรียนเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพ ได้อย่างแน่นอน </span><br /><span style="color:#cc66cc;">แต่ในทางกลับกันหากนักเรียนมองย้อนไปยังข้อเสียของท่านนายกทักษิณ แล้วก็สามารถนำมาเป็นบทเรียนสอนใจให้แก่ตนเองได้ ในมุมมองที่ว่า“ ลักษณะของผู้นำที่ไม่ดี” ดังกรณี เช่น<br /><span style="color:#33ccff;">1.การยักยอกรัฐธรรมนูณ ยึดครองอำนาจประชาธิปไตย</span> <span style="color:#ffcccc;">เช่นกรณีที่นายกทักษิณ ได้มีการปรับเปลี่ยนกฎหมายบางข้อโดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภา และการใช้อำนาจของตนสั่งปรับเปลี่ยนหน้าที่การงานของบุคคลสำคัญเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนและเครือญาติ </span><span style="color:#33ff33;">ซึ่งลักษณะของผู้นำที่ดีนั้นควรเปิดโอกาศให้ผู้อื่นได้แสดงความเห็นบ้างและควรใช้อำนาจทื่ตนมีอยู่ไปในทางที่ถูกที่ควรและไม่มุ่งแต่ผลประโยชน์ส่วนตนเป็นสำคัญซึ่งการกระทำดังกล่าวนักเรียนไม่ควรนำไปปฏิบัติตาม<br /></span><span style="color:#00cccc;">2.โกงกินบ้านเมืองหรือการคอรัปชั่น</span><span style="color:#ccccff;">จะเห็นได้ว่านายกทักษิณจะใช้อำนาจทางการเมืองแทรกแซง หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนต่างๆ เพื่อแสวงหาผลกำไรส่วนตนโดยการแอบอ้างนโยบายทางการเมือง ทำให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อนทางการเมือง เช่น กรณีการซุกหุ้น, ปกปิดบัญชีทรัพย์สิน,ปกปิดโครงการถือหุ้นชินคอปเปอร์-เรชั่นและกรณีทุจริตที่ดินย่านถนนรัชดาภิเษก <span style="color:#33ff33;">ซึ่งลักษณะของผู้นำที่ดีนั้น ควรแสดงความจริงใจต่อการปฏิบัติงาน</span></span><span style="color:#33ff33;">และพร้อมที่จะแสดงความโปร่งใสได้ทุกเมื่อ ทั้งนี้ผู้นำที่ดีควรรู้จักพอเพียง พอประมาณ ไม่โลภมักมากในลาภยศชื่อเสียงและเงินทองจนเกินคำว่าพอดี<br /></span><span style="color:#00cccc;">3.ทำให้บ้านเมืองสิ้นความสงบสุข</span></span><span style="color:#ccccff;"> ดังกรณีทีท่านนายกทักษิณได้ถูกรัฐประหารเมื่อพ.ศ.2549 ทำให้ท่านต้องหลบหนีออกนอกประเทศ แต่เมื่อท่านออกนอกประเทศไปแล้วยังมีการเข้ามาแทรกแซงการเมืองไทย เป็นระยะๆทำให้เกิดการประท้วงด้านการเมืองติดต่อกันหลายครั้ง และยังมีการปลุกระดมคนไทยกลุ่มหนึ่งที่เรียกตนว่า แนวร่วมประชาธิปไตยให้หันหน้ามาสู้รบกันเอง <span style="color:#33ff33;">ซึ่งลักษณะผู้นำที่ดีนั้นไม่ควรทำตนอันก่อให้เกิดความวุ่นวายทั้งภายในและภายนอกองค์การและควรรู้จักนำหลักพระพุทธศาสนามาใช้โดยรู้จักปล่อยวางจากกิเลศ ความรักโลภโกรธ หลง และรู้จัก คำว่า แพ้ ชนะและอภัย<br /></span><span style="color:#cc66cc;">สรุปได้ว่าจากตัวอย่างข้างต้นนั้นหากนักเรียนรู้จักนำข้อเสียหรือข้อไม่ดีของผู้อื่นมาเปรียบเทียบและปรับปรุงแก้ไขในส่วนของตนเองแล้ว ดิฉันเชื่ออย่างยิ่งว่านักเรียนก็จะเป็นผู้นำที่ดีและมีประสิทธิภาพได้ในอนาคตและปัจจุบันอย่างแน่นอน</span><br /></span><span style="color:#ffff00;">ข้อที่ 2 การจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียนที่จะให้มีประสิทธิภาพท่านจะมีวิธีคิดอย่างไรหากท่านเป็นครูที่ดีควรเตรียมการเป็นที่ครูที่ดีอย่างไรให้ท่านแสดงความคิดเห็นของท่านเอง</span><br /><span style="color:#ff0000;">ตอบ </span>ในการจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียนที่ดีนั้นข้าพเจ้าคิดว่าควรประกอบด้วยปัจจัยหลายประการดังนี้<br /><span style="color:#00cccc;">1.การจัดบรรยากาศในห้องเรียน</span> เช่นการจัดที่นั่งเด็กจะจัดให้นักเรียนนั่งกันเป็นรูปตัวยู เพราะจะทำให้เด็กได้เห็นหน้ากันตลอดซึ่งสะดวกในกิจกรรมที่เกี่ยวกับการระดมความคิด และยังทำให้ครูดูแลนักเรียนได้ง่ายขึ้น<br /><span style="color:#00cccc;">2.การจัดบรรยากาศระหว่างครูกับนักเรียน</span> ครูควรพูดจาไพเราะกับนักเรียนไม่ดุและใช้เสียงดังแกมตะหวาดกับนักเรียน และควรจัดสรรค์เกมสนุกต่างๆมาเล่นในห้องเรียนเพื่อคลายความเครียดของนักเรียนและตัวผู้สอนเอง<br /><span style="color:#33ccff;">3.การเรียนการสอนในชั้นเรียนควรมีขั้นตอน</span>การนำเข้าบทเรียนที่เร้าความสนใจของนักเรียนไม่ควรเน้นแต่ทฤษฏีและเนื้อหารายวิชาเพียงอย่างเดียว<br /><span style="color:#ffff00;">ข้อที่ 3 ในฐานะท่านเป็นครูพันธ์ใหม่ ท่านจะนำนวัตกรรมการจัดการเรียนการสอนมาใช้การเรียนการสอนแบบใหม่ได้อย่างไร</span><br /><span style="color:#ff0000;">ตอบ</span> ในฐานะที่ข้าพเจ้าจะเป็นครูพันธ์ใหม่ในอนาคต ข้าพเจ้าจะนำเอาเทคโนโลยีที่มีอยู่ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่นการนำเอาโปรแกรม<span style="color:#ff0000;"> GSP</span>(โปรแกรมทางคณิตศาสตร์)ไปเป็นสื่อการเรียนการสอนและจะนำเอา <span style="color:#ff0000;">weblog</span> ซึ่งถือได้ว่าเป็นนวัตกรรมตัวใหม่ที่นิยมนำมาประยุกต์ใช้ในกระบวนจัดการเรียนการสอนและยังเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกว่าสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้จริง และข้าพเจ้าเชื่อว่า หากข้าพนำเอานวัตกรรมตัวนี้ไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน ก็จะส่งผลให้นักเรียนเป็นคนที่ทันสมัยหรือก้าวทันเทคโนโลยีและยังส่งผลให้นักเรียนเกิดองค์ความรู้ใหม่ๆอย่างแน่นอน<br /><span style="color:#ffff00;">ข้อที่ 4 การประกันคุณภาพมีความสำคัญต่อการบริหารจัดการในชั้นเรียนได้อย่างไร<br /></span><span style="color:#ff0000;">ตอบ</span> <span style="color:#00cccc;">1.สำคัญต่อประชาชนหรือตัวผู้เรียนเอง</span>เพราะการประกันคุณภาพทำให้สามารถเชื่อมั่นในคุณภาพของสถานศึกษาได้ และยังทำให้สามารถตรวจสอบคุณภาพการจัดการศึกษาว่าเป็นไปตามมาตรฐานพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติหรือไม่<br /><span style="color:#00cccc;">2.สำคัญต่อสถานศึกษาเอง</span>เพราะสถานศึกษาสามารถพัฒนาตนเองได้อย่างต่อเนือง<br />และยังทำให้ สามารถปรับปรุงระบบการบริหารจัดการในชั้นเรียนทั้งภายในและภายนอกได้<br /><span style="color:#ffff00;">ข้อที่ 5 ให้ผู้เรียนประเมินผู้สอนทั้งข้อดีข้อเสียและข้อเสนอแนะเพื่อที่จะนำไปปรับปรุงการเรียนการสอนต่อไป<br /></span><span style="color:#ff0000;">ตอบ </span><span style="color:#66cccc;">การประเมินข้อดีของอาจารย์ผู้สอน</span><br />1.เสียสละเวลาส่วนตนเพื่อลูกศิษย์<br />2.มีความพยายามมุ่งมั่นในการสอน<br />3.นำเอาความรู้ใหม่ๆมาสอนอยู่เรื่อยๆ<br />4.วิธีการสอนของอาจารย์จะไม่เหมือนใครทำให้นักศึกษาเกิดความกระตือรือร้นในการทำงาน<br />5.วิธีและหลักการสอนของอาจารย์ทำให้ทำให้นักศึกษาเกิดองค์ความรู้ใหม่ๆ<br /><span style="color:#00cccc;">ประเมินข้อเสียของอาจารย์</span><br />1.ใช้เวลาในการสอนเกินเวลาที่กำหนด(ในบางครั้ง)Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5848554018447807928.post-39762965815049309722010-02-11T10:00:00.000+07:002010-02-11T10:47:24.319+07:00ใบงานที่ 14 การจัดบรรยากาศในห้องเรียนที่ดี<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhUUNXtAZYZ_jVLreAU2mHdKfiBV2hdMptRgF3JdmbtBWJuD2hEVDhf-HK0iSn0CDjmjtDIIhmPgcUm-m_T9rLOHYsP3bZPaO_fGnnTP5R-FIgbP4hQLQlXDZiNmPfMpEa_4Bx5-GnvZNA1/s1600-h/9.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5436815825429195490" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 175px; CURSOR: hand; HEIGHT: 169px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhUUNXtAZYZ_jVLreAU2mHdKfiBV2hdMptRgF3JdmbtBWJuD2hEVDhf-HK0iSn0CDjmjtDIIhmPgcUm-m_T9rLOHYsP3bZPaO_fGnnTP5R-FIgbP4hQLQlXDZiNmPfMpEa_4Bx5-GnvZNA1/s400/9.jpg" border="0" /></a><span style="color:#ff9900;">การจัดบรรยากาศในชั้นเรียนที่ดี</span><br /><span style="color:#00cccc;">บรรยากาศในชั้นเรียน</span>มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมความสนใจใคร่รู้ใคร่เรียนให้แก่ผู้เรียน ชั้นเรียนที่มีบรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่น ความเห็นอกเห็นใจ และความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกันและกัน ย่อมเป็นแรงจูงใจภายนอกที่กระตุ้นให้ผู้เรียนรักการเรียน รักการอยู่ร่วมกันในชั้นเรียน และช่วยปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม ความประพฤติอันดีงามให้แก่นักเรียน นอกจากนี้การมีห้องเรียนที่มีบรรยากาศแจ่มใส สะอาด สว่าง กว้างขวางพอเหมาะ มีโต๊ะเก้าอี้ที่เป็นระเบียบเรียบร้อย มีมุมวิชาการส่งเสริมความรู้ มีการตกแต่งห้องให้สดใส ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ส่งผลทำให้ผู้เรียนพอใจมาโรงเรียน เข้าห้องเรียนและพร้อมที่จะมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนการสอน ดังนั้น ผู้เป็นครูจึงต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความหมาย ความสำคัญ ประเภทของบรรยากาศ หลักการจัดบรรยากาศในชั้นเรียนและการจัดการเรียนรู้อย่างมีความสุข เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีลักษณะตามที่หลักสูตรได้กำหนดไว้<br /><span style="color:#ff6666;">ความหมายของการจัดบรรยากาศในชั้นเรียน</span><br /><span style="color:#ff6600;">การจัดบรรยากาศในชั้นเรียน</span> หมายถึง การจัดสภาพแวดล้อมในชั้นเรียนให้เอื้ออำนวยต่อการเรียนการสอน เพื่อช่วยส่งเ<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgutJT-DYX9qmEkT05OGd2LL3pwLOgJoJB7honKHBrj-MRNXLZFl8_pm4gvnA2odLvTF4PbARnt-ZDffTD8G9SRSL5ahofeKg0souRiwncAn9FgNff15z0c_fSesyWV4ZPSKU2ILLORUpBp/s1600-h/6.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5436823006136054098" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 192px; CURSOR: hand; HEIGHT: 170px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgutJT-DYX9qmEkT05OGd2LL3pwLOgJoJB7honKHBrj-MRNXLZFl8_pm4gvnA2odLvTF4PbARnt-ZDffTD8G9SRSL5ahofeKg0souRiwncAn9FgNff15z0c_fSesyWV4ZPSKU2ILLORUpBp/s400/6.jpg" border="0" /></a>สริมให้กระบวนการเรียนการสอนดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยสร้างความสนใจใฝ่รู้ ใฝ่ศึกษา ตลอดจนช่วยสร้างเสริมความมีระเบียบวินัยให้แก่ผู้เรียน<br /><span style="color:#ff9966;">ความสำคัญของการจัดบรรยากาศในชั้นเรียน<br /></span>จากการสำรวจเอกสารงานวิจัย (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน. 2531: ค) ได้ค้นพบว่าบรรยากาศในชั้นเรียนเป็นส่วนหนึ่งที่ส่งเสริมให้นักเรียนเกิดความสนใจในบทเรียนและเกิดแรงจูงใจในการเรียนรู้เพิ่มมากขึ้น การสร้างบรรยากาศที่อบอุ่น ที่ครูให้ความเอื้ออาทรต่อนักเรียน ที่นักเรียนกับนักเรียนมีความสัมพันธ์ฉันท์มิตรต่อกันที่มีระเบียบ มีความสะอาด เหล่านี้เป็นบรรยากาศที่นักเรียนต้องการ ทำให้นักเรียนมีความสุขที่ได้มาโรงเรียนและในการเรียนร่วมกับเพื่อนๆ ถ้าครูผู้สอนสามารถสร้างความรู้สึกนี้ให้เกิดขึ้นต่อนักเรียนได้ ก็นับว่าครูได้ทำหน้าที่ในการพัฒนาเยาวชนของประเทศชาติให้เติบโตขึ้นอย่างสมบรูณ์ทั้งทางด้านสติปัญญา ร่างกาย อารมณ์ และสังคม โดยแท้จริง ดังนั้น การสร้างบรรยากาศในชั้นเรียนจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งประมวลได้ดังนี้<br /><span style="color:#33cc00;">1. ช่วยส่งเสริมให้การเรียนการสอนดำเนินไปอย่างราบรื่น</span> เช่น ห้องเรียนที่ไม่คับแคบจรเกินไป ทำให้นักเรียนเกิดความคล่องตัวในการทำกิจกรรม<br /><span style="color:#33ff33;">2. ช่วยสร้างเสริมลักษณะนิสัยที่ดีงามและความมีระเบียบวินัยให้แก่ผู้เรียน</span> เช่น ห้องเรียนที่สะอาด ที่จัดโต๊ะเก้าอี้ไว้อย่างเป็นระเบียบ มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกัน นักเรียนจะซึมซับสิ่งเหล่านี้ไว้โดยไม่รู้ตัว<br /><span style="color:#33ff33;">3. ช่วยส่งเสริมสุขภาพที่ดีให้แก่ผู้เรียน</span> เช่น มีแสงสว่างที่เหมาะสม มีที่นั่งไม่ใกล้กระดานดำมากเกินไป มีขนาดโต๊ะและเก้าอี้ที่เหมาะสมกับวัย รูปร่างของนักเรียนนักศึกษา ฯลฯ<br /><span style="color:#33ff33;">4. ช่วยส่งเสริมการเรียนรู้</span> และสร้างความสนใจในบทเรียนมากยิ่งขึ้น เช่น การจัดมุมวิชาการต่าง ๆ การจัดป้ายนิเทศ การตกแต่งห้องเรียนด้วยผลงานของนักเรียน<br /><span style="color:#33ff33;">5. ช่วยส่งเสริมการเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม</span> เช่น การฝึกให้มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีต่อกัน การฝึกให้มีอัธยาศัยไมตรีในการอยู่ร่วมกัน ฯลฯ<br /><span style="color:#33ff33;">6. ช่วยสร้างเจตคติที่ดีต่อการเรียนและการมาโรงเรียน</span> เพราะในชั้นเรียนมีครูที่เข้าใจนักเรียน ให้ความเมตตาเอื้ออารีต่อนักเรียน และนักเรียนมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน<br />กล่าวโดยสรุปได้ว่า การจัดบรรยากาศในชั้นเรียนจะช่วยส่งเสริมและสร้างเสริมผู้เรียนใน<br />ด้านสติปัญญา ร่างกาย อารมณ์ และสังคมได้เป็นอย่างดี ทำให้นักเรียนเรียนด้วยความสุข รักการเรียน และเป็นคนใฝ่เรียนใฝ่รู้ในที่สุด<br /><span style="color:#cc33cc;">บรรยากาศที่พึงปรารถนาในชั้นเรียน<br /></span>ในการจัดการเรียนการสอน ผู้สอนต่างปรารถนาให้จัดกิจกรรมการเรียนการสอนดำเนินไปอย่างราบรื่น และผู้เรียนเกิดพฤติกรรมตามจุดประสงค์ที่กำหนดไว้ในหลักสูตร บรรยากาศในชั้นเรียนมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมให้ความปรารถนานี้เป็นจริง พรรณี ชูทัย (2522 : 261 – 263)<br />กล่าวถึงบรรยากาศในชั้นเรียนที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในการสอน จัดแบ่งได้ 6 ลักษณะ สรุปได้ดังนี้<br /><span style="color:#00cccc;">1. บรรยากาศที่ท้าทาย (Challenge)</span> เป็นบรรยากาศที่ครูกระตุ้นให้กำลังใจนักเรียนเพื่อให้ประสบผลสำเร็จในการทำงาน นักเรียนจะเกิดความเชื่อมั่นในตนเองและพยายามทำงานให้สำเร็จ<br /><span style="color:#00cccc;">2. บรรยากาศที่มีอิสระ (Freedom)</span> เป็นบรรยากาศที่นักเรียนมีโอกาสได้คิด ได้ตัดสินใจเลือกสิ่งที่มีความหมายและมีคุณค่า รวมถึงโอกาสที่จะทำผิดด้วย โดยปราศจากความกลัวและวิตกกังวล บรรยากาศเช่นนี้จะส่งเสริมการเรียนรู้ ผู้เรียนจะปฏิบัติกิจกรรมด้วยความตั้งใจโดยไม่รู้สึกตึงเครียด<br /><span style="color:#33ccff;">3. บรรยากาศที่มีการยอมรับนับถือ (Respect)</span> เป็นบรรยากาศที่ครูรู้สึกว่านักเรียนเป็นบุคคลสำคัญ มีคุณค่า และสามารถเรียนได้ อันส่งผลให้นักเรียนเกิดความเชื่อมั่นในตนเองและเกิดความยอมรับนับถือตนเอง<br /><span style="color:#33ccff;">4.บรรยากาศ</span><span style="color:#33ccff;">ที่มีความอบอุ่น (Warmth)</span> เป็นบรรยากาศทางด้านจิตใจ ซึ่งมีผลต่อความสำเร็จในการเรียน การที่ครูมีความเข้าใจนักเรียน เป็นมิตร ยอมรับให้ความช่วยเหลือ จะทำให้นักเรียนเกิดความอบอุ่น สบายใจ รักครู รักโรงเรียน และรักการมาเรียน<br /><span style="color:#00cccc;">5. บรรยากาศแห่งการควบคุม (Control)</span> การควบคุมในที่นี้ หมายถึง การฝึกให้นักเรียนมีระเบียบวินัย มิใช่การควบคุม ไม่ให้มีอิสระ ครูต้องมีเทคนิคในการปกครองชั้นเรียนและฝึกให้นักเรียนรู้จักใช้สิทธิหน้าที่ของตนเองอย่างมีขอบเขต<br /><span style="color:#33ccff;">6.บรรยากาศแห่งความสำเร็จ (Success)</span> เป็นบรรยากาศที่ผู้เรียนเกิดความรู้สึกประสบความสำเร็จในงานที่ทำ ซึ่งส่งผลให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดีขึ้น ผู้สอนจึงควรพูดถึงสิ่งที่ผู้เรียนประสบความสำเร็จให้มากกว่าการพูดถึงความล้มเหลว เพราะการที่คนเราคำนึงถึงแต่สิ่งที่ล้มเหลว เพราะการที่คนเราคำนึงถึงแต่ความล้มเหลวจะมีผลทำให้ความคาดห<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjpmGjj_CeAmr8R0Ohky989B67k8cbqYHlii-nEdqdMZhyphenhyphenGcT30CmJSyMMzAtTWr3uF75_SY91A6M7PLSlios6VLEJig-Bl18Tox_LZ-nyf2v9g7tbe4O2FoiMw9CqxwdpQt9Y0U4fukEIJ/s1600-h/7.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5436826796824286514" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 232px; CURSOR: hand; HEIGHT: 130px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjpmGjj_CeAmr8R0Ohky989B67k8cbqYHlii-nEdqdMZhyphenhyphenGcT30CmJSyMMzAtTWr3uF75_SY91A6M7PLSlios6VLEJig-Bl18Tox_LZ-nyf2v9g7tbe4O2FoiMw9CqxwdpQt9Y0U4fukEIJ/s400/7.jpg" border="0" /></a>วังต่ำ ซึ่งไม่ส่งเสริมให้การเรียนรู้ดีขึ้น<br />บรรยากาศทั้ง 6 ลักษณะนี้ มีผลต่อความสำเร็จของผู้สอนและความสำเร็จของผู้เรียนผู้สอนควรสร้างให้เกิดในชั้นเรียน<br /><span style="color:#33ff33;">ประเภทของบรรยากาศในชั้นเรียน<br /></span>สุมน อมรวิวัฒน์ (2530 : 13) ได้สรุปผลการวิจัยเรื่องสภาพในปัจจุบันและปัญหาด้านการเรียนการสอนของครูประถมศึกษาไว้ สรุปได้ว่า บรรยากาศในชั้นเรียนต้องมีลักษณะทางกายภาพที่อำนวยความสะดวกต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้สร้างความสนใจใฝ่รู้และศรัทธาต่อการเรียน นอกจากนี้ปฏิสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มนักเรียนและระหว่างครูกับนักเรียน ความรักและศรัทธาที่ครูและนักเรียนมีต่อกัน การเรียนที่รื่นรมย์ปราศจากความกลัวและวิตกกังวล สิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างบรรยากาศการเรียนได้ดี ดังนั้นจึงสามารถแบ่งประเภทของบรรยากาศในชั้นเรียนได้ 2 ประเภทคือ<br /><span style="color:#ffcc00;">1. บรรยากาศทางกายภาพ<br /></span><span style="color:#ffcc33;">2. บรรยากาศทางจิตวิทยา<br /></span>บรรยากาศทั้ง 2 ประเภทนี้ มีส่วนส่งเสริมการเรียนรู้ทั้งสิ้น<br /><span style="color:#ff6666;">บรรยากาศทางกายภาพ (Physical Atmosphere)</span><br />บรรยากาศทางกายภาพหรือบรรยากาศทางด้านวัตถุ หมายถึง การจัดสภาพแวดล้อมต่าง ๆ<br />ภายในห้องเรียนให้เป็นระเบียบเรียบร้อย น่าดู มีความสะอาด มีเครื่องใช้ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่จะส่งเสริมให้การเรียนของนักเรียนสะดวกขึ้น เช่น ห้องเรียนมีขนาดเหมาะสม แสงเข้าถูกทาง และมีแสงสว่างเพียงพอ กระดานดำมีขนาดเหมาะสม โต๊ะเก้าอี้มีขนาดเหมาะสมกับวัยนักเรียน เป็นต้น<br />บรรยากาศทางจิตวิทยา (Psyc<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjdkKuUYC6cHDH-kX7Q20e5mu63QY47Ew0HEQUf-a87qH-9iPxqOo-e70Q6lB5sx1P0XL5ZiXg_98fAHEkE7N9mRI65877m4_EQ8XoqNPrsFyKyZOQr5p8764WvTx1dLJoNYARMtlngHUX6/s1600-h/4.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5436823543990993826" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 206px; CURSOR: hand; HEIGHT: 171px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjdkKuUYC6cHDH-kX7Q20e5mu63QY47Ew0HEQUf-a87qH-9iPxqOo-e70Q6lB5sx1P0XL5ZiXg_98fAHEkE7N9mRI65877m4_EQ8XoqNPrsFyKyZOQr5p8764WvTx1dLJoNYARMtlngHUX6/s400/4.jpg" border="0" /></a>hological Atmosphere)<br />บรรยากาศทางจิตวิทยา หมายถึง บรรยากาศทางด้านจิตใจที่นักเรียนรู้สึกสบายใจ มีความอบอุ่น มีความเป็นกันเอง มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน และมีความรักความศรัทธาต่อผู้สอน ตลอดจนมีอิสระในความกล้าแสดงออกอย่างมีระเบียบวินัยในชั้นเรียน<br /><span style="color:#ff0000;">การจัดบรรยากาศทางด้านกายภาพ<br /></span>การจัดบรรยากาศทางด้านกายภาพ เป็นการจัดวัสดุอุปกรณ์สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการเรียนการสอน รวมตลอดไปถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เสริมความรู้ เช่น ป้ายนิเทศ มุมวิชาการ ชั้นวางหนังสือ โต๊ะวางสื่อการสอน ฯลฯ ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ทำให้เกิดความสบายตา สบายใจ แก่ผู้พบเห็น ถ้าจะกล่าวโดยละเอียดแล้ว การจัดบรรยากาศทางด้ายกายภาพ ได้แก่ การจัดสิ่งต่อไปนี้<br /><span style="color:#33ff33;">1. การจัดโต๊ะเรียนและเก้าอี้ของนักเรียน<br /></span><span style="color:#ffff00;">1.1 ให้มีขนาดเหมาะสมกับรูปร่างและวัยของนักเรียน<br />1.2 ให้มีช่องว่างระหว่างแถวที่นักเรียนจะลุกนั่งได้สะดวก และทำกิจกรรมได้คล่องตัว<br />1.3 ให้มีความสะดวกต่อการทำความสะอาดและเคลื่อนย้ายเปลี่ยนรูปแบบที่นั่งเรียน<br />1.4 ให้มีรูปแบบที่ไม่จำเจ เช่น อาจเปลี่ยนเป็นรูปตัวที ตัวยู รูปครึ่งวงกลม หรือ เข้ากลุ่มเป็นวงกลม ได้อย่างเหมาะสมกับกิจกรรมการเรียนการสอน<br />1.5 ให้นักเรียนที่นั่งทุกจุดอ่านกระดานดำได้ชัดเจน<br />1.6 แถวหน้าของโต๊ะเรียนควรอยู่ห่างจากกระดานดำพอสมควร ไม่น้อยกว่า 3 เมตร ไม่ควรจัดโต๊ะติดกระดานดำมากเกินไป ทำให้นักเรียนต้องแหงนมองกระดานดำ และหายใจเอาฝุ่นชอล์กเข้าไปมาก ทำให้เสียสุขภาพ<br /></span><span style="color:#33ff33;">2. การจัดโต๊ะครู<br /></span>2.1 ให้อยู่ในจุดที่เหมาะสม อาจจัดไว้หน้าห้อง ข้างห้อง หรือหลังห้องก็ได้ งานวิจัยบางเรื่องเสนอแนะให้จัดโต๊ะครูไว้ด้านหลังห้องเพื่อให้มองเห็นนักเรียนได้อย่างทั่วถึง อย่างไรก็ตาม การจัดโต๊ะครูนั้นขึ้นอยู่กับรูปแบบการจัดที่นั่งของนักเรียนด้วย<br />2.2 ให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ทั้งบนโต๊ะและในลิ้นชักโต๊ะ เพื่อสะดวกต่อการทำงานของครู และการวางสมุดงานของนักเรียน ตลอดจนเพื่อปลูกฝังลักษณะนิสัยความเป็นระเบียบเรียบร้อยแก่นักเรียน<br /><span style="color:#33ff33;">3. การจัดป้ายนิเทศ</span> ป้ายนิเทศไว้ที่ฝาผนังของห้องเรียน ส่วนใหญ่จะติดไว้ที่ข้างกระดาน<br />ดำทั้ง 2 ข้าง ครูควรใช้ป้ายนิเทศที่เป็นประโยชน์ต่อการเรียนการสอน โดย<br />3.1 จัดตกแต่งออกแบบให้สวยงาม น่าดู สร้างความสนใจให้แกนักเรียน<br />3.2 จัดเนื้อหาสาระให้สอดคล้องกับบทเรียน อาจใช้ติดสรุปบทเรียน ทบทวนบทเรียน หรือเสริมความรู้ให้แก่นักเรียน<br />3.3 จัดให้ใหม่อยู่เสมอ สอดคล้องกับเหตุการณ์สำคัญ หรือวันสำคัญต่าง ๆ ที่นักเรียนเรียนและควรรู้<br />3.4 จัดติดผลงานของนักเรียนและแผนภูมิแสดงความก้าวหน้าในการเรียนของนักเรียนจะเป็นการให้แรงจูงใจที่น่าสนใจวิธีหนึ่ง<br /><span style="color:#ff0000;">แนวการจัดป้ายนิเทศ<br /></span>เพื่อให้การจัดป้ายนิเทศได้ประโยชน์คุ้มค่า ครูควรคำนึงถึงแนวการจัดป้ายนิเทศในข้อ<br />ต่อไปนี้<br /><span style="color:#cc66cc;">1. กำหนดเนื้อหาที่จะจัด</span> ศึกษาเนื้อหาที่จะจัดโดยละเอียด เพื่อให้ได้แนวความคิดหลัก หรือสาระสำคัญ เขียนสรุป หรือจำแนกไว้เป็นข้อ ๆ<br /><span style="color:#cc66cc;">2. กำหนดวัตถุประสงค์ในการจัด</span>โดยคำนึงถึงแนวความคิดหลักสาระสำคัญของเรื่องและคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายว่าต้องการเขารู้อะไร แค่ไหน อย่างไร<br /><span style="color:#cc66cc;">3. กำหนดชื่อเรื่อง</span> นับว่าเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยดึงดูดความสนใจของผู้ดู ชื่อเรื่องที่ดีต้องเป็นใจความสั้น ๆ กินใจความให้ความหมายชัดเจน ท้าทาย อาจมีลักษณะเป็นคำถามและชี้ให้เห็นวัตถุประสงค์ในการจัดแผ่นป้าย<br /><span style="color:#cc66cc;">4. วางแผนการจัดคล่าวๆ</span> ไว้ในใจ ว่าจะใช้วัสดุอะไรบ้าง แล้วจึงช่วยกันจัดหาสิ่งเหล่านั้น อาจเป็นรูปภาพ แผนภาพ ภาพสเก็ตซ์ ของจริง หรือจำลอง การ์ตูน เท่าที่พอจะหาได้<br /><span style="color:#cc66cc;">5. ออกแบบการจัดที่แน่นอน</span> โดยคำนึงถึงสิ่งที่มีอยู่ โดยสเก็ตซ์รูปแบบการจัดลงบนกระดาษรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าคล้ายแผ่นป้าย ว่าจะวางหัวเรื่อง รูปภาพ และสิ่งต่าง ๆ ในตำแหน่งใด คำบรรยายอยู่ตรงไหน ใช้เส้นโยงอย่างไรจึงจะน่าสนใจ ควรออกแบบสัก 2 - 3 รูแบบ แล้วเลือกเอารูปแบบที่ดีที่สุด<br /><span style="color:#cc33cc;">6. ลงมือจัดเตรียมชิ้นส่วนต่างๆ</span> ให้มีขนาดและอยู่ในสภาพพร้อมที่จะขึ้นแสดงบนแผ่นป้ายได้อย่างเหมาะสม หัวเรื่องจะใช้วิธีใด ภาพต้องผนึกไหม คำบรรยายจะทำอย่างไร เตรียมให้พร้อม<br /><span style="color:#cc66cc;">7. ลงมือจัดจริงบนแผ่นป้ายตามรูปแบบที่วางไว้</span> อาจทดลองวางบนพื้นราบในพื้นที่เท่าแผ่นป้ายก่อน เพื่อกะระยะที่เหมาะสมก่อนนำไปใช้จริง<br /><span style="color:#33ff33;">4. การจัดสภาพห้องเรียน</span> ต้องให้ถูกสุขลักษณะ กล่าวคือ<br /><span style="color:#33ccff;">4.1 มีอากาศถ่ายเทได้ดี</span> มีหน้าต่างพอเพียง และมีประตูเข้าออกได้สะดวก<br /><span style="color:#33ccff;">4.2 มีแสงสว่างพอเหมาะ</span> เพื่อช่วยให้ผู้เรียนอ่านหนังสือได้ชัดเจน เพื่อเป็นการถนอมสายตา ควรใช้ไฟฟ้าช่วย ถ้ามีแสงสว่างน้อยเกินไป<br /><span style="color:#00cccc;">4.3 ปราศจากสิ่งรบกวนต่างๆ</span> เช่น เสียง กลิ่น ควัน ฝุ่น ฯลฯ<br /><span style="color:#00cccc;">4.4 มีความสะอาด โดยฝึกให้</span>นักเรียนรับผิดชอบช่วยกันเก็บกวาด เช็ดถู เป็นการปลูกฝังนิสัยรักความสะอาด และฝึกการทำงานร่วมกัน<br /><span style="color:#33ff33;">5. การจัดมุมต่าง ๆ ในห้องเรียน</span> ได้แก่<br /><span style="color:#666600;">5.1 มุมหนังสือ ควรมีไว้เพื่อฝึกนิสัยรักการอ่าน</span> ส่งเสริมให้นักเรียนอ่านคล่อง ส่งเสริม การค้นคว้าหาความรู้ และการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ครูควรหาหนังสือหลาย ๆ ประเภท ที่มีความยากง่าย เหมาะสมกับวัยของนักเรียนมาให้อ่าน และควรหาหนังสือชุดใหม่มาเปลี่ยนบ่อย ๆ การจัดมุมหนังสือควรจัดให้เป็นระเบียบเรียบร้อยเพื่อสะดวกต่อการหยิบอ่าน<br />5.2 มุมเสริมความรู้กลุ่มประสบการณ์ต่างๆ ควรจัดไว้ให้น่าสนใจ ช่วยเสรมความรู้ ทบทวนความรู้ เช่น มุมภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา มุมความรู้ข่าว เหตุการณ์ ฯลฯ<br />5.3 มุมแสดงผลงานของนักเรียน ครูควรติดบนป้ายนิเทศ แขวนหรือจัดวางไว้บนโต๊ะ เพื่อให้นักเรียนเกิดความภูมิใจในความสำเร็จ และมีกำลังใจในการเรียนต่อไป อีกทั้งยังสามารถแก้ไขพัฒนาผลงานของนักเรียนให้ดีขึ้นโดยลำดับได้อีกด้วย<br />5.4 ตู้เก็บสื่อการเรียนการสอน เช่น บัตรคำ แผนภูมิ ภาพพลิก กระดาษ สี กาว ฯลฯ ควรจัดไว้ให้เป็นระเบียบ เป็นสัดส่วน สะดวกต่อการหยิบใช้ อุปกรณ์ชิ้นใดที่เก่าเกินไปหรือไม่ใช้แล้วไม่ควรเก็บไว้ในตู้ให้ดูรกรุงรัง<br />5.5 การประดับตกแต่งห้องเรียน ครูส่วนใหญ่มักนิยมประดับตกแต่งห้องเรียนด้วยสิ่งต่าง ๆ เช่น ม่าน มู่ลี่ ภาพ ดอกไม้ คำขวัญ สุภาษิต ควรตกแต่งพอเหมาะไม่ให้ดูรกรุงรัง สีสันที่ใช้ไม่ควรฉูดฉาด หรือใช้สีสะท้นแสง อาจทำให้นักเรียนเสียสายตาได้ การประดับตกแต่งห้องเรียน ควรคำนึงถึงหลักความเรียบง่าย เป็นระเบียบ ประหยัด มุ่งประโยชน์ และสวยงาม<br />5.6 มุมเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาด ตลอดจนชั้นวางเครื่องมือเครื่องใช้ของนักเรียน เช่น แปรงสีฟัน ยาสีฟัน แก้วน้ำ กล่องอาหาร ปิ่นโต ฯลฯ ควรจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ และหมั่นเช็ดถูให้สะอาดเสมอ<br /><span style="color:#ff0000;">การจัดบรรยากาศทางด้านจิตวิทยา</span><br />การจัดบรรยากาศทางด้านจิตวิทยาหรือทางด้านจิตใจ จะช่วยสร้างความรู้สึกให้นักเรียนเกิดความสบายใจในการเรียน ปราศจากความกลัวและวิตกกังวล มีบรรยากาศของการสร้างสรรค์เร้าความสนใจ ให้นักเรียนร่วมกิจกรรมการเรียนการสอนด้วยความสุข นักเรียนจะเกิดความรู้เช่นนี้ ขึ้นอยู่กับ “ ครู” เป็นสำคัญ ในข้อเหล่านี้<br /><span style="color:#ffff00;">1. บุคลิกภาพ<br />2. พฤติกรรมการสอน<br />3. เทคนิคการปกครองชั้นเรียน<br />4. ปฏิสัมพันธ์ในห้องเรียน<br /></span>แต่ละข้อมีรายละเอียดดังนี้<br /><span style="color:#ff0000;">1. บุคลิกภาพของครู<br /></span>สภาพบรรยากาศของห้องเรียนมีส่วนสัมพันธ์กับบุคลิกภาพของครู ครูที่มีบุคลิกภาพดี<br />เช่น การแต่งกาย การยืน การเดน ท่าทาง น้ำเสียง การใช้คำพูด การแสดงออกทางสีหน้า แววตา ฯลณ เหมาะสมกับการเป็นครู จะช่วยส่งเสริมบรรยากาศการเรียนรู้ได้ดี บุคลิกภาพของครูมีผลต่อความรู้สึกของนักเรียน ดังนี้ (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน. 2531 : 8, 13)<br />ครูประเภทที่ 1<br />ถ้าครูแสดงความเป็นมิตร นักเรียนจะอบอุ่นใจ ถ้าครูยิ้มแย้ม นักเรียนจะแจ่มใส<br />ถ้าครูมีอารมณ์ขัน นักเรียนจะเรียนสนุก ถ้าครูกระตือรือร้น นักเรียนจะกระปรี้กระเปร่า<br />ถ้าครูมีนำเสียงนุ่มนวล นักเรียนจะสุภาพอ่อนน้อม ถ้าครูแต่งตัวเรียบร้อย นักเรียนจะเคารพ<br />ถ้าครูให้ความเมตตาปรานี นักเรียนจะมีจิตใจอ่อนโยน ถ้าครูให้ความยุติธรรม นักเรียนจะศรัทธา<br />ครูประเภทที่ 2<br />ถ้าครูเข้มงวด นักเรียนจะหงุดหงิด ถ้าครูหน้านิ่วคิ้วขมวด นักเรียนจะรู้สึกเครียด<br />ถ้าครูฉุนเฉียว นักเรียนจะอึดอัด ถ้าครูปั้นปึ่ง นักเรียนจะกลัว<br />ถ้าครูแต่งกายไม่เรียบร้อย นักเรียนจะขาดความเคารพ ถ้าครูใช้น้ำเสียงดุดัน นักเรียนจะหวาดกลัว<br />ครูประเภทที่ 3<br />ถ้าครูท้อถอย นักเรียนจะท้อแท้ ถ้าครูเฉยเมย นักเรียนจะเฉื่อยชา<br />ถ้าครูเชื่องช้า นักเรียนจะหงอยเหงา ถ้าครูใช้น้ำเสียงราบเรียบ นักเรียนจะไม่สนใจฟัง<br />ถ้าครูปล่อยปละละเลย นักเรียนจะขาดระเบียบวินัย ถ้าครูแต่งกายไม่เรียบร้อย นักเรียนจะขาดความเคารพ<br />จากบุคลิกของครูทั้ง 3 ประเภทที่กล่าวมา สรุปได้ว่า<br />ครูประเภทที่ 1 จะสร้างบรรยากาศแบบประชาธิปไตย นักเรียนและครูจะยอมรับความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนได้แสดงความคิดเห็น ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ได้รู้จักทำงานร่วมกัน รู้จักสิทธิและหน้าที่ของตนเอง มีเหตุมีผล นักเรียนจะรู้สึกสบายใจในการเรียน เป็นบรรยากาศที่ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ที่ดี<br />ครูประเภทที่ 2 จะสร้างบรรยากาศแบบเผด็จการ นักเรียนไม่ได้แสดงความคิดเห็น ครูจะเข้มงวด ครูเป็นผู้บอกหรือทำกิจกรรมทุกอย่าง นักเรียนไม่มีโอกาสคิด หรือทำกิจกรรมที่ต้องการ นักเรียนจะรู้สึกเครียดอึดอัด นักเรียนจะขาดลักษณะการเป็นผู้นำ ขาดความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ เป็นบรรยากาศที่ไม่ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ที่ดี<br />ครูประเภทที่ 3 จะสร้างบรรยากาศแบบตามสบาย เป็นบรรยากาศที่น่าเบื่อหน่าย นักเรียนย่อท้อ สับสนวุ่นวาย ขาดระเบียบวินัย ไม่มีความคงเส้นคงวา ครูไม่สามารถควบคุมชั้นเรียนให้อยู่ในความสงบเรียบร้อยได้ เป็นบรรยากาศที่ไม่ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ที่ดี<br /><span style="color:#ff0000;">2. พฤติกรรมการสอนของครู</span><br />พฤติกรรมการสอนของครูมีบทบาทในการสร้างความรู้สึกที่ดีให้แก่นักเรียน เช่นเดียวกับ<br />บุคลิกภาพของครู ในการสอนครูต้องใช้เทคนิคและทักษะการสอนที่สอดคล้องเหมาะสมกับนักเรียนและบทเรียน เพื่อให้นักเรียนเกิดความรู้ เจตคติ และทักษะตามที่หลักสูตรกำหนด พฤติกรรมของครูควรเป็นดังนี้<br />2.1 ตอบสนองพฤติกรรมของนักเรียนโดยใช้เทคนิคการเสริมแรงที่เหมาะสม เช่น ใช้วาจา ใช้ท่าทาง ให้รางวัล และสัญลักษณ์ต่าง ๆ ตลอดจนให้ทำกิจกรรมที่นักเรียนชอบ ครูควรเริมแรงให้ทั่วถึงและเหมาะสม<br />2.2 เปิดโอกาสให้นักเรียนแสดงความคิดเห็น และยอมรับฟังความคิดเห็นของนักเรียน แสดงให้นักเรียนเห็นว่าความคิดของเขามีประโยชน์ พยายามนำความคิดเหล่านั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการเรียนรู้<br />2.3 ฝึกการทำงานเป็นกลุ่ม การให้ทำงานเป็นกลุ่มจะช่วยให้นักเรียนรู้จักทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ใช้ความรู้ความคิดความสามารถที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ ฝึกการสร้างมนุษยสัมพันธ์ที่ดีและได้ผลงานนำมาสู่ความภาคภูมิใจในกลุ่มและตนเอง ในการมอบหมายงานให้กลุ่มทำนั้น ครูควรคำนึงถึงความยากง่ายของงาน ความรู้และความสามารถของนักเรียนในกลุ่ม เพื่อให้งานกลุ่มประสบความสำเร็จ เป็นการสร้างความรู้สึกทางบวกให้แก่นักเรียน งานใดที่ครูเห็นว่ายาก ครูควรเข้าไปดูแลกระตุ้นให้นักเรียนช่วยกันคิดแก้ปัญหาในกลุ่มของตน ครูจะต้องมีความอดทนที่จะไม่รีบชี้แนะ หรือบอกวิธีการแก้ปัญหาตรง ๆ ต้องฝึกให้นักเรียนใช้วิธีการต่าง ๆ หลาย ๆ แบบจนสามารถแก้ปัญหาได้สำเร็จ<br />2.4 ใช้เทคนิคและวิธีสอนที่ไม่ทำให้นักเรียนเบื่อหน่ายในการเรียน ครูควรคิดค้นคว้าและแสวงหาแนวทางวิธีการใหม่ ๆ มาใช้จัดการเรียนการสอน วิธีการสอนควรเป็นวิธีที่ยึดนักเรียนเป็นศูนย์กลาง หรือนักเรียนเป็นผู้กระทำกิจกรรม เช่น วิธีการสอนแบบทดลอง แบบแก้ปัญหา แบบแสดงบทบาทสมมุติ แบบสืบสวนสอบสวน แบบแบ่งกลุ่มทำกิจกรรม แบบอภิปราย แบบศูนย์การเรียน ตลอดจนนวัตกรรมการสอนที่น่าสนใจ การจะใช้วิธีสอนแบบใดนั้นครูต้องเลือกให้เหมาะสมกับบทเรียน ระยะเวลา สติปัญญา และวัยของนักเรียน<br /><span style="color:#ff0000;">3. เทคนิคการปกครองชั้นเรียนของครู<br /></span>เทคนิคหรือวิธีการที่ครูใช้ปกครองชั้นเรียนมีส่วนส่งเสริมในการสร้างบรรยากาศทางจิต<br />วิทยา กล่าวคือ ถ้าครูปกครองชั้นเรียนด้วยความยุติธรรม ยึดหลักประชาธิปไตย ใช้ระเบียบกฎเกณฑ์ที่ทุกคนยอมรับ ยินดีปฏิบัติ นักเรียนก็จะอยู่ในห้องเรียนอย่างมีความสุข เกิดความรู้สึกอบอุ่นพอใจและสบายใจ ในทางตรงกันข้าม ถ้าครูโลเล ไม่ยุติธรรม เลือกที่รักมักที่ชัง ปกครองชั้นเรียนแบบเผด็จการ นักเรียนจะเกิดความรู้สึกไม่ศรัทธาครู ไม่เห็นคุณค่าของระเบียบกฎเกณฑ์ ส่งผลให้นักเรียนไม่สนใจเรียน ไม่อยากมาโรงเรียนในที่สุด ดังนั้นเทคนิควิธีการปกครองชั้นเรียนของครูจึงมีความสำคัญต่อการสร้างบรรยากาศทางจิตวิทยาด้วย<br /><span style="color:#ff9900;">ในการปกครองชั้นเรียน ครูควรยึดหลักต่อไปนี้<br /></span><span style="color:#33ff33;">3.1 หลักประชาธิปไตย</span> ครูควรให้ความสำคัญต่อนักเรียนเท่าเทียมกัน ให้ความเสมอภาค ให้อิสระ ให้โอกาสแก่ทุกคนในการแสดงความคิดเห็น ขณะเดียวกันครูต้องใจกว้าง ยินดีรับฟังความเห็นของทุกคน และควรฝึกให้นักเรียนปฏิบัติตนตามสิทธิหน้าที่ รู้จักเคารพสิทธิของผู้อื่น ให้รู้จักการอยู่ร่วมกันอย่างประชาธิปไตย<br /><span style="color:#66ff99;">3.2 หลักความยุติธรรม</span> ครูควรปกครองโดยใช้หลักความยุติธรรมแก่นักเรียนทุกคนโดยทั่วถึง นักเรียนจะเคารพศรัทธาครู และยินดีปฏิบัติตามกฎระเบียบของครู ยินดีปฏิบัติตามคำอบรมสั่งสอนของครู ตลอดจนไม่สร้างปัญหาในชั้นเรียน<br /><span style="color:#33ff33;">3.3 หลักพรหมวิหาร 4 อัน</span>ได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา<br />เมตตา หมายถึง ความรักและเอ็นดุ ความปรารถนาที่จะให้ผู้อื่นเป็นสุข<br />กรุณา หมายถึง ความสงสาร คิดจะช่วยให้ผู้อื่นพ้นทุกข์<br />มุทิตา หมายถึง ความยินดีด้วยเมื่อผู้อื่นได้ลาภยศ สุข สรรเสริญ<br />อุเบกขา หมายถึง ความเที่ยงธรรม การวางตัวเป็นกลาง การวางใจเฉย<br />ถ้าครูทุกคนยึดหลักพรหมวิหาร 4 ในการปกครองชั้นเรียน นอกจากจะทำให้นักเรียนมีความเคารพรักศรัทธาครู และมีความสุขในการเรียนแล้วยังเป็นการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม ให้แก่นักเรียนด้วย<br /><span style="color:#33ff33;">3.4 หลักความใกล้ชิด</span> การที่ครูแสดงความเอาใจใส่ ความสนใจ ให้ความใกล้ชิดกับนักเรียน เป็นวิธีการหนึ่งในการสร้างบรรยากาศทางด้านจิตวิทยา วิธีการแสดงความสนใจนักเรียนทำได้หลายวิธี จิตรา วสุวานิช (2531 : 135) ได้เสนอแนะไว้ดังนี้<br /><span style="color:#ffcc00;">1. ครูจะต้องรู้จักนักเรียนในชั้นทุกคน</span> รู้จักชื่อจริง ชื่อเล่น ความสนใจของเด็กแต่ละคน เป็นต้นว่า งานอดิเรก มีพี่น้องกี่คน จุดเด่น จุดด้อย ของนักเรียนแต่ละคน<br /><span style="color:#ffcc00;">2. ครูจะต้องแสดงความสนใจในสารทุกข์สุขดิบของเด็กแต่ละคน</span> เช่น หมั่นถามความเป็นไปของพี่น้อง ความคืบหน้าของการสะสมแสตมป์ คือ ไม่เพียงรู้แต่ว่าเด็กเป็นอะไรในข้อ 1 แต่รู้ข่าวคราวเคลื่อนไหวของสิ่งเหล่านั้นด้วย<br /><span style="color:#ffcc00;">3. ครูจะมอบเวลาของตนเพื่อเด็ก เวลาที่นอกเหนือจากงานสอน</span> ได้แก่ เวลาเย็นหลังเลิกเรียน ช่วงพักระหว่างการเรียน เพื่อช่วยเด็กที่ต้องการการช่วยเหลือเป็นพิเศษ ว่าต้องการขอคำปรึกษา ต้องการขอคำแนะนำในการหารายได้พิเศษ ครูจะต้องพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือเด็กได้ตลอดเวลา<br /><span style="color:#ffcc00;">4. ครูจะต้องใกล้ชิด สัมผัสทั้งร่างกายและจิตใจ</span> คำสั่งสอนและการกระทำของครูจะต้องสอดคล้องกัน เป็นต้นว่า ถ้าครูจะอบรมสั่งสอนเด็กเรื่องความซื่อสัตย์ ครูจะต้องปฏิบัติตนเป็นคนซื่อสัตย์ด้วยเช่นกัน กายสัมผัสก็เป็นสิ่งจำเป็น การจับต้องตัวบ้าง จะเป็นสื่อนำให้เด็กรู้สึกถึงความใกล้ชิดสนิทสนม<br /><span style="color:#ff0000;">4. ปฏิสัมพันธ์ในห้องเรียน<br /></span>ปฏิสัมพันธ์ ( interaction) หมายถึง ความสัมพันธ์ทางสังคมระหว่างบุคคล 2<br />คน หรือบุคคล 2 ฝ่าย โดยต่างฝ่ายต่างมีอิทธิพลซึ่งกันและกัน (ประดินันท์ อุปรมัย. 2523 : 133) ปฏิสัมพันธ์ในห้องเรียนมี 3 ลักษณะ ได้แก่<br /><span style="color:#ff6666;">4.1 ปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียน</span> ถ้าปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียนเป็นไปด้วยดี หมายถึง ทั้งครูและนักเรียนต่างมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ซักถาม ครูให้ความเป็นกันเองแก่นักเรียน ให้นักเรียนมีอิสระ และมีความสบายใจในการทำกิจกรรม บรรยากาศภายในห้องเรียนก็จะไม่ตึงเครียด เป็นบรรยากาศที่รื่นรมย์ น่าเรียน น่าสอน ซึ่งจะส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ที่ดี<br /><span style="color:#ff6666;">4.2 ปฏิสัมพันธ์ระหว่างนักเรียนกับนักเรียน</span> บรรยากาศในห้องเรียนจะเต็มไปด้วยความอบอุ่น สร้างความรู้สึกที่ดีให้แก่นักเรียนได้ถ้านักเรียนมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน คือ มีความสมัครสมานสามัคคี รักใคร่กลมเกลียวกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน ฯลฯ นักเรียนจะมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกันได้นั้น ขึ้นอยู่กับครูเป็นสำคัญ กล่าวคือ เป็นแบบอย่างที่ดีแก่นักเรียน ปกครองดูแลนักเรียนได้ทั่วถึง สั่งสอนอบรมบ่มนิสัย และแก้ไขพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของนักเรียนได้ถูกต้อง นักเรียนก็จะค่อย ๆ ซึบซาบและซับเอาสิ่งที่ดีงามไว้ปฏิบัติจนเป็นคุณลักษณะเฉพาะตนที่พึงประสงค์ เมื่อนักเรียนทุกคนต่างเป็นคนดี เพราะมีครูดี ทุกคนก็จะมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน อันเป็นส่วนสร้างเสริมให้เกิดบรรยากาศที่พึงปรารถนาขึ้นในห้องเรียน<br /><span style="color:#ff6666;">4.3 ปฏิสัมพันธ์ทางวาจา</span> หมายถึง การพูดจาร่วมกันในชั้นเรียนระหว่างครูกับนักเรียน อาจเป็นการบรรยาย การอภิปราย การถามคำถาม การมอบหมายงาน การพูดของนักเรียน เป็นต้น ทั้งหมดนี้มีอิทธิพลต่อการสร้างบรรยากาศในชั้นเรียนเช่นกัน<br /><span style="color:#ff9900;">หลักการจัดชั้นเรียน</span><br />เนื่องจากชั้นเรียนมีความสำคัญ เปรียบเสมือนบ้านที่สองของนักเรียน นักเรียนจะใช้เวลาอยู่ในชั้นเรียนประมาณวันละ 5-6 ชั่วโมง อิทธิพลของชั้นเรียนจึงมีมากพอที่จะปลูกผังลักษณะของเด็กให้เป็นแบบที่ต้องการได้ เช่น ให้เป็นตัวของตัวเอง ให้สามารถทำงานเป็นหมู่คณะได้ดี ให้ชอบแสวงหาความรู้อยู่เสมอ ให้มีความรับผิดชอบ ให้รู้จักคิดวิเคราะห์ ดังนั้นเพื่อให้นักเรียนมีคุณลักษณะนิสัยดังประสงค์ และมีความรู้สึกอบอุ่นสบายใจในการอยู่ในชั้นเรียนครูจึงควรคำนึงถึงหลักการจัดชั้นเรียน ดังต่อไปนี้<br />1. การจัดชั้นเรียนควรให้ยืดหยุ่นได้ตามความเหมาะสม ชั้นเรียนควรเป็นห้องใหญ่หรือกว้างเพื่อสะดวกในการโยกย้ายโต๊ะเก้าอี้ จัดเป็นรูปต่างๆ เพื่อประโยชน์ในการเรียนการสอน ถ้าเป็นห้องเล็ก ๆ หลาย ๆ ห้องติดกัน ควรทำฝาเลื่อน เพื่อเหมาะแก่การทำให้ห้องกว้างขึ้น<br />2. ควรจัดชั้นเรียนเพื่อสร้างเสริมความรู้ทุกด้าน โดยจัดอุปกรณ์ในการทำกิจกรรมหรือหนังสืออ่านประกอบที่หน้าสนใจไว้ตามมุมห้อง เพื่อนักเรียนจะได้ค้นคว้าทำกิจกรรมควรติดอุปกรณ์รูปภาพและผลงานไว้ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้<br />3. ควรจัดชั้นเรียนให้มีสภาพแวดล้อมที่ดี ได้แก่ สภาพแวดล้อมทางกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม ซึ่งมีอิทธิผลต่อความเป็นอยู่และการเรียนของนักเรียนเป็นอันมาก ครูมีส่วนช่วยเสริมสร้างสภาพแวดล้อมให้ดีได้ เช่น ให้นักเรียนจัดหรือติดอุปกรณ์ให้มีสีสวยงาม จัดกระถางต้นไม้ประดับชั้นเรียน จัดที่ว่างของชั้นเรียนให้นักเรียนทำกิจกรรม คอยให้คำแนะนำในการอ่านหนังสือ ค้นคว้าแก้ปัญหา และครูควรสร้างบรรยากาศในชั้นเรียน ไม่ให้เครียด เป็นกันเองกับนักเรียน ให้นักเรียนรู้สึกมีความปลอดภัย สะดวกสบายเหมือนอยู่ที่บ้าน<br />4. ควรจัดชั้นเรียนเพื่อเสริมสร้างลักษณะนิสัยที่ดีงาม ชั้นเรียนจะน่าอยู่ก็ตรงที่นักเรียนรู้จักรักษาความสะอาด ตั้งแต่พื้นชั้นเรียน โต๊ะม้านั่ง ขอบประตูหน้าต่าง ขอบกระดานชอล์ก แปลงลบกระดาน ฝาผนังเพดาน ซอกมุมของห้อง ถังขยะต้องล้างทุกวัน เพื่อไม่ให้มีกลิ่นเหม็น และบริเวณที่ตั้งถังขยะจะต้องดูแลเป็นพิเศษ เพราะเป็นแหล่งบ่อเกิดเชื้อโรค<br />5. ควรจัดชั้นเรียนเพื่อสร้างความเป็นระเบียบ ทุกอย่างจัดให้เป็นระเบียบทั่งอุปกรณ์ของใช้ต่างๆ เช่นการจัดโต๊ะ ชั้นวางของและหนังสือ แม้แต่การใช้สิ่งของก็ให้นักเรียนได้รู้จักหยิบใช้ เก็บในที่เดิม จะให้นักเรียนเคยชินกับความเป็นระเบียบ<br />6. ควรจัดชั้นเรียนเพื่อสร้างเสริมประชาธิปไตย โดยครูอาจจัดดังนี้<br />6.1 จัดให้นักเรียนเข้ากลุ่มทำงาน โดยให้มีการหมุนเวียนกลุ่มกันไป เพื่อให้ได้ฝึกการทำงานร่วมกับผู้อื่น<br />6.2 จัดที่นั่งของนักเรียนให้สลับที่กันเสมอ เพื่อให้ทุกคนได้มีสิทธิที่จะนั่งในจุดต่างๆ ของห้องเรียน<br />6.3 จัดโอกาสให้นักเรียนได้หมุนเวียนกันเป็นผู้นำกลุ่ม เพื่อฝึกการเป็นผู้นำและผู้ตามที่ดี<br />7. ควรจัดชั้นเรียนให้เอื้อต่อหลักสูตร หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานฉบับปัจจุบันเน้นการจัดการเรียนการสอนโดยให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง และให้ใช้กระบวนการสอนต่างๆ ดังนั้นครูจึงควรจัดสภาพห้องให้เอื้ออำนวยต่อการเรียนรู้ เช่น การจัดที่นั่งในรูปแบบต่างๆ อาจเป็นรูปตัวยู ตัวที หรือครึ่งวงกลม หรือจัดเป็นแถวตอนลึกให้เหมาะสมกับกิจกรรมการเรียนการสอนและการจัดบรรยากาศทางด้านจิตวิทยาให้ผู้เรียนรู้สึกกล้าถามกล้าตอบ กล้าแสดงความคิดเห็น เกิดความใคร่รู้ ใคร่เรียน ซึ่งจะเสริมให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาตน พัฒนาอาชีพ พัฒนาสังคม และเป็นคนเก่ง ดี มีความสุขได้ในที่สุด จากที่<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEioXMkb6Pcjxzh8FtQPpIG6kyGXNJxVZDWWqAbU8BZklvN7HZUZMUeIr2kk-ndJ7ke6wAgHpweX7WwMVVcJvAzqcVsXVH3sxfUNOB7YmGQc0iZ2sZJXZH1dHY_f6gV5722_LaQEHdjUtkU4/s1600-h/3.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5436825046785882242" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 208px; CURSOR: hand; HEIGHT: 156px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEioXMkb6Pcjxzh8FtQPpIG6kyGXNJxVZDWWqAbU8BZklvN7HZUZMUeIr2kk-ndJ7ke6wAgHpweX7WwMVVcJvAzqcVsXVH3sxfUNOB7YmGQc0iZ2sZJXZH1dHY_f6gV5722_LaQEHdjUtkU4/s400/3.jpg" border="0" /></a>กล่าวมาทั่งหมด สรุปได้ว่า หลักการจัดชั้นเรียน คือ การจัดบรรยากาศทางด้านกายภาพ และการจัดบรรยากาศทางด้านจิตวิทยาในชั้นเรียนให้เอื้ออำนวยต่อการเรียนรู้ และเพื่อการพัฒนาผู้เรียนทั่งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา ให้เป็นบุคคลที่มีคุณภาพของประเทศชาติต่อไป<br /><span style="color:#ff9900;">ลักษณะของชั้นเรียนที่ดี</span><br />เพื่อให้การจัดชั้นเรียนที่ถูกต้องตามหลักการ ผู้สอนควรได้ทราบถึงลักษณะของชั้นเรียนที่ดี สรุปได้ดังนี้<br /><span style="color:#cc33cc;">1. ชั้นเรียนที่ดีควรมีสีสันที่น่าดู</span> สบายตา อากาศถ่ายเทได้ดี ถูกสุขลักษณะ<br /><span style="color:#cc33cc;">2. จัดโต๊ะเก้าอี้และสิ่งที่ที่อยู่ในชั้นเรียนให้เอื้ออำนวยต่อการเรียนการสอน</span> และกิจกรรมประเภทต่างๆ<br /><span style="color:#cc33cc;">3.</span><span style="color:#cc33cc;"> ให้นักเรียนได้เรียนอย่างมีความสุข มีอิสรเสรีภาพ</span> และมีวินัยในการดูแลตนเอง<br /><span style="color:#cc33cc;">4. ใช้ประโยชน์ชั้นเรียนให้คุ้มค่า ครูอาจดัดแปลงให้เป็นห้องประชุม</span> ห้องฉายภาพยนตร์และอื่น ๆ<br /><span style="color:#cc33cc;">5. จัดเตรียมชั้นเรียนให้มีความพร้อมต่อการสอนในแต่ละครั้ง</span> เช่น การทำงานกลุ่ม การสาธิตการแสดงบทบาทสมมุติ<br /><span style="color:#cc33cc;">6. สร้างบรรยากาศให้อบอุ่น</span> ให้ความเป็นกันเองกับผู้เรียน<br /><span style="color:#ff0000;">รูปแบบการจัดชั้นเรียน</span><br />การจัดชั้นเรียนจัดได้หลายรูปแบบ โดยจัดให้เหมาะสมกับบทเรียน กิจกรรมการเรียนการสอน จำนวนนักเรียน สภาพแวดล้อมในชั้นเรียน ขนาดของห้องเรียน เป็นต้น ครูควรได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบของการจัดโต๊ะ เก้าอี้ มุมวิชาการ และมุมต่าง ๆ ในห้องเรียน เพื่อสร้างบรรยากาศของห้องเรียนให้น่าสนใจไม่ซ้ำซากจำเจ ไม่น่าเบื่อหน่าย นักเรียนจะเกิดความกระตือรือร้นและกระฉับกระเฉงในการเรียนดีขึ้น การจัดชั้นเรียนถ้าแบ่งตามวิธีการสอนจะได้ 2 แบบ คือ<br /><span style="color:#ff6666;">1. ชั้นเรียนแบบธรรมดา<br />2. ชั้นเรียนแบบนวัตกรรม</span><br /><span style="color:#ff9900;">1. ชั้นเรียนแบบธรรมดา<br /></span>ชั้นเรียนแบบธรรมดาเป็นชั้นเรียนที่มีครูเป็นศูนย์กลาง เป็นผู้นำการเรียนรู้ โดยมีผู้เรียนเป็นผู้รับความรู้จากครู การจัดชั้นเรียนแบบนี้จะมีโต๊ะครูอยู่หน้าชั้นเรียน และมีโต๊ะเรียนวางเรียงกันเป็นแถว โดยหันหน้าเข้าหากัน<br /><span style="color:#33ffff;">1.1 ลักษณะการจัดชั้นเรียน</span> การจัดชั้นเรียนแบบธรรมดานี้ โต๊ะเรียนของนักเรียน อาจเป็นโต๊ะเดี่ยวหรือโต๊ะคู่ก็ได้ ผนังห้องเรียนอาจจะมีกระดานป้ายนิเทศ หรือสื่อการสอน เช่น แผนภูมิ รูปภาพ แผนที่ติดไว้ ซึ่งสื่อการสอนเหล่านี้จะไม่เปลี่ยนบ่อยนัก การตกแต่งผนังห้องเรียนจะแตกต่างกันออกไปตามแต่สถานที่ตั้งของโรงเรียน โรงเรียนที่อยู่ในตัวเมืองอาจจะมีการตกแต่ง มากกว่าโรงเรียนที่อยู่ห่างไกลออกไปตมชนบท เพราะหาสื่อการสอนได้ยากกว่า บางห้องเรียนอาจจะมีมุมความสนใจ แต่ก็ไม่ได้ถือเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนการสอน<br /><span style="color:#00cccc;">1.2 บทบาทของครูและนักเรียน</span> บทบาทของครูและนักเรียนในชั้นเรียนแบบธรรมดานี้ ครูจะเป็นผู้รอบรู้ในด้านต่างๆ ใช้วิธีการสอนแบบป้อนความรู้ให้แก่นักเรียนโดยการบรรยาย และอธิบายให้นักเรียนฝังอยู่ตลอดเวลา ครูจะเป็นผู้แสดงกิจกรรมต่างๆ เอง แม้กระทั่งการทดลองอย่างง่ายๆ ไม่เปิดโอกาสให้นักเรียนได้ยิบจับ หรือแตะต้องสื่อการสอนที่ครูนำมาแสดง นักเรียนจึงต้องฟังครู มีมีโอกาสได้พูด หรือทำงานเป็นกลุ่ม เพื่อค้นหาคำตอบใดๆ สื่อการสอนที่ใช้ส่วนมาก ได้แก่ ชอล์ก กระดานดำ และแบบเรียน<br />การจัดชั้นเรียนแบบนี้ไม่เอื้อต่อการสอนตามหลักสูตรใหม่ นักการศึกษาจึงไม่แนะนำให้ใช้มากนัก อาจใช้ได้เป็นบางครั้งเท่านั้นถ้าจำเป็นต่อวิธีการสอนวิธีใดวิธีหนึ่ง แต่ไม่ควรยึดถือเป็นแบบอย่างตลอดไป<br /><span style="color:#ff9900;">2. ชั้นเรียนแบบนวัตกรรม<br /></span>ชั้นเรียนแบบนวัตกรรม เป็นชั้นเรียนที่เอื้ออำนวยต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้เทคนิควิธีสอนใหม่ๆ เช่น การเรียนรู้แบบร่วมมือ แบบโฟร์แมท แบบสตอรี่ไลน์ แบบโครงงาน เป็นต้น ซึ่งนักเรียนจะมีอิสระในการเรียน อาจเรียนเป็นกลุ่ม หรือเป็นรายบุคคล โดยมีครูเป็นผู้ให้คำปรึกษา การจัดชั้นเรียนจึงมีรูปแบบการจัดโต๊ะเก้าอี้ในลักษณะต่างๆ ไม่จำเป็นต้องเรียงแถวหันหน้าเข้าหาครู เช่น จัดเป็นรูปตัวที ตัวยู วงกลม หรือจักเป็นกลุ่ม<br /><span style="color:#33ffff;">2.1 ลักษณะการจัดชั้นเรียน</span> การจัดชั้นเรียนแบบนวัตกรรมนี้ โต๊ะครูไม่จำเป็นต้องอยู่หน้าชั้น อาจเคลื่อนย้ายไปตามมุมต่างๆ การจัดโต๊ะนักเรียนจะเปลี่ยนรูปแบบไปตามลักษณะการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนของครู ส่วนใหญ่นิยมจัดโต๊ะเป็นกลุ่ม เพื่อให้นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมร่วมกัน มีการจัดศูนย์สนใจ มีสื่อการสอนในรูปของชุดการสอน หรือเครื่องช่วยสอนต่างๆ ไว้ให้นักเรียนศึกษาด้วยตนเอง หรือศึกษาร่วมกับเพื่อน มีการตกแต่งผนังห้องและเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับเรื่องที่นักเรียนกำลังเรียน<br /><span style="color:#33ffff;">2.2 บทบาทของครูและนักเรียน</span> การจัดชั้นเรียนแบบนี้ครูจะเป็นผู้กำกับและแนะแนวนักเรียนเป็นผู้แสดงบทบาท ครูจะพูดน้อยลง ให้นักเรียนได้คิด ได้ถาม ได้แก้ปัญหา และได้ทำกิจกรรมด้วยตนเอง นักเรียนอาจจะเรียนด้วยตนเองจากสื่อประสม เช่น บทเรียนแบบโปรแกรม ชุดการสอน คอมพิวเตอร์ช่วยสอน ครูจะเป็นผู้ให้คำแนะนำ และช่วยเหลือเมื่อจำเป็น ดังนั้น การจัดชั้นเรียนแบบนี้จึงเป็นการจัดชั้นเรียนที่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของหลักสูตรที่ต้องการให้ผู้เรียนได้คิดค้นคว้า วิเคราะห์วิจารณ์ และลงมือปฏิบัติจริงทุกขั้นตอน จนสามารถเรียนรู้ได้ตนเอง<br /><span style="color:#ff9900;">กล่าวโดยสรุป ในการจัดชั้นเรียน</span> ผู้สอนสามารถจัดได้ 2 แบบ ทั้งแบบธรรมดาและแบบนวัตกรรม แต่เพื่อให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของหลักสูตร การจัดชั้นเรียนแบบนวัตกรรมจะเป็นแบบที่เหมาะสม เพราะสะดวกแก่การที่ผู้เรียนจะค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเอง สะดวกแก่การทำงานกลุ่มกับเพื่อน สะดวกแก่การทดล<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiCn3amKzpr4f_PaX7XvKiOFNeNGw6idOuzwkaBa8taCkIO8B7GiaWKNHPxAAIY3tkCR1T6fKMcoqavCzfbZT4aaSUrFB5i73xdbUp0XYt3kNfQa-vEJTBEPm-Eec2IasLtVNRBoejut8iw/s1600-h/10.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5436826030742657346" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 189px; CURSOR: hand; HEIGHT: 149px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiCn3amKzpr4f_PaX7XvKiOFNeNGw6idOuzwkaBa8taCkIO8B7GiaWKNHPxAAIY3tkCR1T6fKMcoqavCzfbZT4aaSUrFB5i73xdbUp0XYt3kNfQa-vEJTBEPm-Eec2IasLtVNRBoejut8iw/s400/10.jpg" border="0" /></a>องหรือทำกิจกรรมต่างๆ ผู้สอนจึงควรจัดชั้นเรียนแบบนวัตกรรมเพื่อให้สอดคล้องกับกิจกรรมการเรียนการสอน<br /><span style="color:#ff9900;">การสร้างบรรยากาศการเรียนรู้อย่างมีความสุข<br /></span>ด้วยหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานฉบับปัจจุบัน มุ่งหวังให้ผู้เรียนเป็นคนดี คนเก่ง มีสุขภาพอนามัยที่สมบูรณ์ ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ทำงานและอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุขครูจึงเป็นบุคคลที่สำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างบรรยากาศให้ผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้อย่างมีความสุข<br />ความหมายของการสร้างบรรยากาศการเรียนรู้อย่างมีความสุข<br />บรรยากาศการเรียนรู้อย่างมีความสุข คือ การจัดสภาพการเรียนการสอนให้มีบรรยากาศที่ผ่อนคลาย นักเรียนรู้สึกเป็นอิสระ ได้เรียนรู้โดยวิธีการต่างๆ อย่างหลากหลาย ครูยอมรับความแตกต่างระหว่างบุคคลและเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้พัฒนาตนเองอย่างเต็มศักยภาพ<br />ความสำคัญของการสร้างบรรยากาศการเรียนรู้อย่างมีความสุข<br />การสร้างบรรยากาศให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างมีความสุข ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้เรียนทั้งปัจจุบันและอนาคต ดังนี้<br /><span style="color:#ff9900;">1. ทำให้ผู้เรียนมีสุขภาพจิตดี มี</span>ความสุข สดชื่น เบิกบาน ซึ่งเป็นพื้นฐานของการเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพที่ดีในอนาคต<br /><span style="color:#ff9900;">2. ทำให้ผู้เรียนเกิดกำลังใจ</span> ใฝ่เรียนรู้ ไม่ท้อแท้ หรือท้อถอย เป็นการส่งเสริมนิสัย ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน และรักการเรียนรู้สิ่งต่างๆ ตลอดชีวิต<br />3<span style="color:#ff9900;">. ทำให้ผู้เรียนมีจิตใจที่ดีงาม</span> เพราะเด็กที่เจริญเติบโตขึ้นในบรรยากาศแห่งความรักก็จะรู้จักรักผู้อื่น เผื่อแผ่ความรู้สึกและความสัมพันธ์ที่ดีกว้างอออกไป และพร้อมที่จะช่วยเหลือผู้อื่นต่อไป<br /><span style="color:#ff9900;">4. ทำให้ผู้เรียนเห็นคุณค่าของตนเอง</span> และมีกำลังใจที่จะทำสิ่งที่ดีงามตลอดไป<br /><span style="color:#ff6600;">5. ทำให้ผู้เรียนได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกับผู้อื่น</span> เพราะการเรียนรู้ที่มีความสุขเป็นการเรียนรู้ที่ผู้เรียนได้มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อน เป็นการฝึกการยอมรับ การเข้าใจ เห็นใจผู้อื่น ไม่มุ่งมั่นเอาชนะ มีเหตุผล ฝึกความอดทน อดกลั้น รู้จักผ่อนปรน รู้จักให้อภัย เป็นต้น<br /><span style="color:#ff9900;">ประเภทของการเรียนรู้อย่างมีความสุข<br /></span>ท่านพระธรรมปิฎก ได้จัดแบบของการเรียนรู้อย่างมีความสุขไว้ 2 แบบคือ<br /><span style="color:#33cc00;">1. ความสุขที่อาศัยปัจจัยภายนอก เป็นความสุขที่เกิดจากสภาพแวดล้อม คือมีกัลยาณมิตร เช่นครู อาจารย์ เป็นผู้สร้างบรรยากาศแห่งความรัก</span> ความเมตตา และช่วยให้สนุก ซึ่งต้องระวังเพราะถ้าควบคุมไม่ดี ความสุขแบบนี้จะทำให้นักเรียนอ่อนแอลง ยิ่งถ้ากลายเป็นการเอาใจ หรือตามใจ จะยิ่งอ่อนแอลงไปทำให้เกิดลักษณะพึ่งพา<br /><span style="color:#33ff33;">2. ความสุขที่เกิดจากปัจจัยภายใน เป็นความสุขที่เกิดจากภายในตัวผู้เรียนเอง ซึ่งเป็นอิสระ ไม่ต้องพึ่งผู้อื่น กล่าวคือ ผู้เรียนเกิดนิสัยใฝ่</span>รู้ ใฝ่เรียน ใฝ่สร้างสรรค์ และมีความสุขจากการสนองความใฝ่รู้ ความสุขแบบนี้ทำให้คนเข้มแข็ง เขาจะมีความสุขเมื่อได้เรียนรู้ เมื่อยิ่งทำก็ยิ่งมีความสุข และยิ่งมีความเข้มแข็ง<br /><span style="color:#ff0000;">ดังนั้น การสร้างบรรยากาศให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีความสุขจึงควรมุ่งสร้างความสุขจากปัจจัยภายใน โดยมีปัจจัยภายนอกเป็นองค์ประกอบนำทาง ก็จะช่วยพัฒนานักเรียนให้เป็นผู้รักการเรียนรู้อย่างแท้จริง</span>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5848554018447807928.post-83370061323685367902010-02-10T13:12:00.000+07:002010-02-10T13:59:22.266+07:00ใบงานที่ 13 ผู้นำที่ข้าพเจ้าชื่นชอบพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน<img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5436500889608765170" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 484px; CURSOR: hand; HEIGHT: 268px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiy612cPp_RKlR7vP3kQIGDobZaS5tpyyaKhti4goCq_qDhJPkufFTDUfKExKes2ZiooIkyYr_yMQu62E62l73BeDa3aUfzoTnc97S5YymOwma4KsspYCg5Zgk-V6w77gbypeJEf3c8OzaM/s400/2.jpg" border="0" /><br /><div><br /><br /><br /><div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhcjS6u3DIwDUkYdU7c6QOSsMRf0LojZV8M-j5fzF3iJzrBEqC8xedmR14siYnMfvSVPm9LCUft7ppLoTclvf2x1ZZ1uNQlQDKRHlqfG3UU653NgruhL0AfgXV_udOj_I6aTV_gdSgrcv8V/s1600-h/180px-Sonthi_Boonyaratglin.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5436494705784670434" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 226px; CURSOR: hand; HEIGHT: 177px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhcjS6u3DIwDUkYdU7c6QOSsMRf0LojZV8M-j5fzF3iJzrBEqC8xedmR14siYnMfvSVPm9LCUft7ppLoTclvf2x1ZZ1uNQlQDKRHlqfG3UU653NgruhL0AfgXV_udOj_I6aTV_gdSgrcv8V/s400/180px-Sonthi_Boonyaratglin.jpg" border="0" /></a>สนธิ บุญยรัตกลิน</div><br /><br /><div><span style="color:#33ff33;">ประวัติ<br /></span>พล.อ.สนธิ เป็นบุตรของ พันเอกสนั่น (นามสกุลเดิม อหะหมัดจุฬา) และนางมณี บุญยรัตกลิน ชาวไทยเชื้อสาย<a title="มอญ" href="http://th.wikipedia.org/wiki/มอà¸">มอญ</a> เป็นบุตรชายคนโตในบรรดาพี่น้องทั้งหมด 6 คน เติบโตในครอบครัว<a title="มุสลิม" href="http://th.wikipedia.org/wiki/มุสลิม">มุสลิม</a> ที่นับถือนิกาย<a class="mw-redirect" title="ชีอะห์" href="http://th.wikipedia.org/wiki/ชีอะห์">ชีอะห์</a> ใน<a title="จังหวัดปทุมธานี" href="http://th.wikipedia.org/wiki/จังหวัดปทุมธานี">จังหวัดปทุมธานี</a> (บิดานับถือนิกายชีอะห์) แต่ตัวท่านนับถือ<a title="ศาสนาอิสลาม" href="http://th.wikipedia.org/wiki/ศาสนาอิสลาม">ศาสนาอิสลาม</a> นิกาย<a title="ซุนนีย์" href="http://th.wikipedia.org/wiki/ซุนนีย์">ซุนนีย์</a> (มารดานับถือนิกายซุนนีย์) ต้นตระกูล <a class="mw-redirect" title="เฉกอะหมัด" href="http://th.wikipedia.org/wiki/เฉà¸à¸­à¸°à¸«à¸¡à¸±à¸”">เฉกอะหมัด</a> หรือ เจ้าพระยาบวรราชนายก ขุนนางเชื้อสาย<a class="mw-redirect" title="เปอร์เซีย" href="http://th.wikipedia.org/wiki/เปอร์เซีย">เปอร์เซีย</a> ซึ่งเคยดำรงตำแหน่ง<a title="จุฬาราชมนตรี" href="http://th.wikipedia.org/wiki/จุฬาราชมนตรี">จุฬาราชมนตรี</a> และ สมุหนายกในสมัย<a class="mw-redirect" title="กรุงศรีอยุธยา" href="http://th.wikipedia.org/wiki/à¸à¸£à¸¸à¸‡à¸¨à¸£à¸µà¸­à¸¢à¸¸à¸˜à¸¢à¸²">กรุงศรีอยุธยา</a> ลูกหลานบางส่วนของเฉก อาหมัด เปลี่ยนมานับถือ<a class="mw-redirect" title="ศาสนาพุทธ" href="http://th.wikipedia.org/wiki/ศาสนาพุทธ">ศาสนาพุทธ</a> เช่น ตระกูลบุนนาค ตระกูลจุฬารัตน์ โดยนามสกุล บุญยรัตกลิน (อ่านว่า บุน-ยะ-รัด-กะ-ลิน) จริงๆแล้วคือ บุณยรัตกลิน แต่พิมพ์ผิดเป็น "ญ" นั้น เป็นนามสกุลพระราชทานจาก<a class="mw-redirect" title="รัชกาลที่ 6" href="http://th.wikipedia.org/wiki/รัชà¸à¸²à¸¥à¸—ี่_6">รัชกาลที่ 6</a> มีที่มาจากการที่หนึ่งในสาแหรกฝั่งย่าเป็น<a title="ทหารเรือ" href="http://th.wikipedia.org/wiki/ทหารเรือ">ทหารเรือ</a> สังกัด<a class="new" title="พรรคกลิน (หน้านี้ไม่มี)" href="http://th.wikipedia.org/w/index.php?title=%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%99&action=edit&redlink=1">พรรคกลิน</a> คือหลวงพินิจกลไก (บุญรอด) มีชื่อทางมุสลิมว่า อับดุลเลาะห์ อหะหมัดจุฬา ได้ฉายาจากสื่อมวลชนทั่วไปว่า "บิ๊กบัง"<br />พล.อ. สนธิ มีภรรยาทั้งหมด 3 คน ภรรยาคนแรกชื่อ สุกัญญา จดทะเบียบสมรสขณะที่ พล.อ.สนธิยังเป็นพลโท ภรรยาคนที่สองชื่อ ปิยะดา จดทะเบียนสมรสเมื่อเป็นนายพล ภรรยาคนที่สามชื่อ วรรณา ปัจจุบันอาศัยอยู่กับทั้งหมดแม้ว่าการมีภรรยาสามคนจะเป็นเรื่องผิดกฎหมายในประเทศไทยก็ตาม อย่างไรก็ตาม นาย<a class="new" title="อารีย์ วงศ์อารยะ (หน้านี้ไม่มี)" href="http://th.wikipedia.org/w/index.php?title=%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B9%8C_%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B9%8C%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B8%B0&action=edit&redlink=1">อารีย์ วงศ์อารยะ</a> วันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 พล.อ.สนธิกล่าวว่าตนไม่ยื่นแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินของภรรยาคนที่ 3 ต่อ ป.ป.ช. เนื่องจากไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางกฎหมาย<br />บุตรที่เกิดกับนางปิยะดา บุญยรัตกลิน มี 2 คน คือ ร.ต.นิธิ บุญยรัตกลิน (ป๊อป) และ นายนิรินทร์ บุญยรัตกลิน (ไปป์) บุตรที่เกิดกับนางวรรณา บุญยรัตกลิน มี 2 คน คือ พ.ต.ต.สุทธิเวท บุญยรัตกลิน และ ร.ท.สุธาวิทย์ บุญยรัตกลิน และบุตรที่เกิดกับนางสุกัญญา บุญยรัตกลิน มี 2 คน คือ นายเอกรินทร์ บุญยรัตกลิน และน.ส.ศศิภา บุญยรัตกลิน (พลอย)<br /><span style="color:#33ff33;">การศึกษา</span></div><div>พล.อ.สนธิศึกษาในระดับประถมและมัธยมที่ <a class="mw-redirect" title="โรงเรียนวัดพระศรีมหาธาตุ" href="http://th.wikipedia.org/wiki/โรงเรียนวัดพระศรีมหาธาตุ">โรงเรียนวัดพระศรีมหาธาตุ</a> และศึกษาต่อ<a title="โรงเรียนเตรียมทหาร" href="http://th.wikipedia.org/wiki/โรงเรียนเตรียมทหาร">โรงเรียนเตรียมทหาร</a> (รุ่นที่ 6) และศึกษาต่อ <a title="โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า" href="http://th.wikipedia.org/wiki/โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเà¸à¸¥à¹‰à¸²">โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า</a> เหล่าทหารราบ (รุ่นที่ 17) และได้ศึกษาในระดับอุดมศึกษา สำหรับปริญญาโท สาขาศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต (การทหาร) <a title="โรงเรียนเสนาธิการทหารบก" href="http://th.wikipedia.org/wiki/โรงเรียนเสนาธิà¸à¸²à¸£à¸—หารบà¸">โรงเรียนเสนาธิการทหารบก</a> สถาบันวิชาการทหารบกชั้นสูง และ<a title="วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร" href="http://th.wikipedia.org/wiki/วิทยาลัยป้องà¸à¸±à¸™à¸£à¸²à¸Šà¸­à¸²à¸“าจัà¸à¸£">วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร</a> (รุ่นที่ 42) และปัจจุบนกำลังศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก สาขารัฐศาสตร์ (สาขาวิชาการเมือง) <a title="มหาวิทยาลัยรามคำแหง" href="http://th.wikipedia.org/wiki/มหาวิทยาลัยรามคำà¹à¸«à¸‡">มหาวิทยาลัยรามคำแหง</a> รุ่นแรกของคณะ โดยมีพลเอกสนธิเป็นประธานรุ่น ที่มีอายุมากที่สุดคือ 63 ปี นอกจากนี้ได้มีหลักสูตรพิเศษอื่น ได้แก่<br />*หลักสูตรส่งทางอากาศและหลักสูตรจู่โจม <a class="new" title="โรงเรียนศูนย์การทหารราบ (หน้านี้ไม่มี)" href="http://th.wikipedia.org/w/index.php?title=%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A8%E0%B8%B9%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%9A&action=edit&redlink=1">โรงเรียนศูนย์การทหารราบ</a><br />*หลักสูตรชั้นนายร้อยทหารราบ หลักสูตรสงครามทุ่นระเบิด <a class="new" title="โรงเรียนศูนย์การทหารช่าง (หน้านี้ไม่มี)" href="http://th.wikipedia.org/w/index.php?title=%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A8%E0%B8%B9%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87&action=edit&redlink=1">โรงเรียนศูนย์การทหารช่าง</a><br />*หลักสูตรผู้บังคับหมวดช่างโยธาและกระสุน <a class="new" title="โรงเรียนศูนย์การทหารราบ (หน้านี้ไม่มี)" href="http://th.wikipedia.org/w/index.php?title=%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A8%E0%B8%B9%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%9A&action=edit&redlink=1">โรงเรียนศูนย์การทหารราบ</a><br />*หลักสูตรภาษาอังกฤษ โรงเรียนยุทธศึกษาทหารบก<br />*หลักสูตรลาดตระเวนระยะไกล โรงเรียนศูนย์การทหารราบ <a title="โรงเรียนเสนาธิการทหารบก" href="http://th.wikipedia.org/wiki/โรงเรียนเสนาธิà¸à¸²à¸£à¸—หารบà¸">โรงเรียนเสนาธิการทหารบก</a><br />*หลักสูตรหลักประจำ ชุดที่ 57 </div><div><span style="color:#33ff33;">การรับราชการ<br /></span>*ผู้บังคับหมวดปืนเล็ก กองร้อยอาวุธเบา กองพันทหารราบ ศูนย์การทหารราบ<br />*ผู้บังคับหมวดปืนเล็ก กองร้อยอาวุธเบา กองพันทหารราบที่ 2 กองพลอาสาสมัครเสือดำ<br />*รองผู้บังคับกองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 9 กาญจนบุรี นายทหารคนสนิทแม่ทัพภาคที่ 4 (พล.ท.ปิ่น ธรรมศรี ในขณะนั้น) ผู้บังคับกองพันรบพิเศษที่ 2 กรมรบพิเศษที่ 1 รองผู้บังคับการกรมรบพิเศษที่ 1<br />*ผู้บังคับการกรมรบพิเศษที่ 1 รองผู้บัญชาการกองพลรบพิเศษที่ 1<br />*ผู้บัญชาการกองพลรบพิเศษที่ 1 รองผู้บัญชาการ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ<br />*ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ<br />*ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการทหารบก<br />*พล.อ.สนธิ เป็นนายทหารของหน่วยรบพิเศษ ที่ผ่านการรบด้านการปราบปราม ผกค. ด้าน อ.กุยบุรี และ จ.ปราจีนบุรี รวมถึงการออกไปรบที่ประเทศเวียดนามและกัมพูชา</div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhucBt0TjNbMMyPxfNrkpTk7yVuWNpzCPdjV9upQKEON193PVJU5JopsnHb287AL834jdd_OySimBLnobRrlVWqP4POvNFuouVEH5oMQAGSs_z08W7bDrXaHoGF6HyFEdSjyV0NJeLsvRor/s1600-h/180px-Sondhi_Boonyaratkalin.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5436497611173336818" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 211px; CURSOR: hand; HEIGHT: 163px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhucBt0TjNbMMyPxfNrkpTk7yVuWNpzCPdjV9upQKEON193PVJU5JopsnHb287AL834jdd_OySimBLnobRrlVWqP4POvNFuouVEH5oMQAGSs_z08W7bDrXaHoGF6HyFEdSjyV0NJeLsvRor/s400/180px-Sondhi_Boonyaratkalin.jpg" border="0" /></a><br /><br /><div><span style="color:#33ff33;">รัฐประหาร 2549 </span><br />วันที่ <a title="19 กันยายน" href="http://th.wikipedia.org/wiki/19_à¸à¸±à¸™à¸¢à¸²à¸¢à¸™">19 กันยายน</a> <a title="พ.ศ. 2549" href="http://th.wikipedia.org/wiki/พ.ศ._2549">พ.ศ. 2549</a> พล.อ.สนธิ เป็นหัวหน้า<a class="mw-redirect" title="คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" href="http://th.wikipedia.org/wiki/คณะปà¸à¸´à¸£à¸¹à¸›à¸à¸²à¸£à¸›à¸à¸„รองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหาà¸à¸©à¸±à¸•à¸£à¸´à¸¢à¹Œà¸—รงเป็นประมุข">คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข</a> ก่อ<a title="รัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2549" href="http://th.wikipedia.org/wiki/รัà¸à¸›à¸£à¸°à¸«à¸²à¸£à¹ƒà¸™à¸›à¸£à¸°à¹€à¸—ศไทย_พ.ศ._2549">รัฐประหาร</a> ยึดอำนาจการปกครองของ รัฐบาลรักษาการ <a title="ทักษิณ ชินวัตร" href="http://th.wikipedia.org/wiki/ทัà¸à¸©à¸´à¸“_ชินวัตร">พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร</a> ซึ่งอยู่ระหว่างการประชุม<a title="สหประชาชาติ" href="http://th.wikipedia.org/wiki/สหประชาชาติ">สหประชาชาติ</a>ที่<a title="นครนิวยอร์ก" href="http://th.wikipedia.org/wiki/นครนิวยอร์à¸">นครนิวยอร์ก</a><br />หลังจากมีการจัดตั้งรัฐบาลแล้ว พล.อ.สนธิ ได้เปลี่ยนตำแหน่งจากหัวหน้า<a class="mw-redirect" title="คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" href="http://th.wikipedia.org/wiki/คณะปà¸à¸´à¸£à¸¹à¸›à¸à¸²à¸£à¸›à¸à¸„รองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหาà¸à¸©à¸±à¸•à¸£à¸´à¸¢à¹Œà¸—รงเป็นประมุข">คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข</a> ไปเป็นประธาน<a title="คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ" href="http://th.wikipedia.org/wiki/คณะมนตรีความมั่นคงà¹à¸«à¹ˆà¸‡à¸Šà¸²à¸•à¸´">คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ</a><br />หลังเกษียณอายุราชการในปี <a title="พ.ศ. 2550" href="http://th.wikipedia.org/wiki/พ.ศ._2550">พ.ศ. 2550</a> พล.อ.สนธิ ได้รับพระราชทานโปรดเกล้า ฯ ให้ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่ดูแลความมั่นคงโดยเฉพาะ</div><div><span style="color:#33ff33;">การเมือง<br /></span>ภายหลังเกษียณอายุราชการแล้ว และพ้นจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี พล.อ.สนธิก็มักปรากฏข่าวคราวว่าจะเล่นการเมือง โดยจะเป็นหัวหน้าพรรคเอง ในที่สุด ในวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 พล.อ.สนธิก็รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคมาตุภูมิ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่ก่อตั้งโดยนักการเมืองใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เป็นมุสลิม โดยมีเป้าหมายหวังฐานเสียงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ </div><div><span style="color:#33ff33;">ความชื่นชอบส่วนตัว<br /></span>พล.อ.สนธิเป็นบุคคลที่ชอบเล่นกีฬามาก โดยเฉพาะ<a title="ฟุตบอล" href="http://th.wikipedia.org/wiki/à¸à¸¸à¸à¸à¸­à¸¥">ฟุตบอล</a>และ<a title="เทนนิส" href="http://th.wikipedia.org/wiki/à¹à¸à¸à¸à¸´à¸ª">เทนนิส</a> มีทีมฟุตบอลที่ชื่นชอบคือ <a class="mw-redirect" title="สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" href="http://th.wikipedia.org/wiki/สà¹à¸¡à¸ªà¸£à¸à¸¸à¸à¸à¸­à¸¥à¹à¸¡à¸à¹à¸à¸ªà¹à¸à¸­à¸£à¹_ยูà¹à¸à¹à¸à¹à¸">แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด</a></div><div><span style="color:#ff0000;">เหตุผลที่ข้าพเจ้าชื่นชอบ</span></div><div><span style="color:#ff0000;"> </span><span style="color:#cc66cc;">มีความเป็นเลิศในด้านผู้นำ กล้าคิด กล้าตัดสินใจ ดั่งเช่น เหตุการณ์การทำรัฐประหาร พ.ศ.2549 และการที่ท่านได้เป็นดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการทหารบกนั้น</span></div><div><span style="color:#cc66cc;">บ่งบอกได้ว่าท่านเป็นบุคคลที่น่าชื่นชมอย่างยิ่ง เพราะการที่เราจะบัญชาการทหารทั้งกองทัพได้นั้น มิใช่ทำได้ง่ายๆ หากต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์เข้ามาช่วย</span></div><div><span style="color:#cc66cc;">และนอกจากนี้ท่านยังมีภรรยาถึงสามคนซึ่งแต่ละคนยังอยู่ในความดูแลของท่านแม้อาจจะเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายในสังคมไทย แต่เรื่องนี้ก็ได้แสดงให้เห็นว่าท่านมีความเป็นผู้นำที่ดีทั้งในบ้านและนอกบ้าน หลังจากที่ท่านได้เกษียณอายุราชการทหารแล้ว ท่านยังได้ลงเล่นการเมืองและได้ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรคมาตุภูมิแสดงว่าท่านเป็นผู้นำที่ไม่เคยหมดไฟนั่นเอง</span></div></div>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5848554018447807928.post-16164944320075783992010-02-02T14:16:00.001+07:002010-02-17T13:54:43.565+07:00ใบงานที่ 12 เรื่อง การประเมินคุณภาพการศึกษา<span style="color:#ff0000;">ความหมายของการประกันคุณภาพการศึกษา</span><br />หมายถึง <span style="color:#ff99ff;">การบริหารจัดการและการดำเนินกิจกรรม</span>ตามภารกิจปกติของสถานศึกษา เพื่อพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง สร้างความมั่นใจให้ผู้รับบริการทางการศึกษา ทั้งผู้รับบริการโดยตรง ได้แก่ ผู้เรียน ผู้ปกครอง และผู้รับบริการทางอ้อม ได้แก่ สถานประกอบการ ประชาชน และสังคมโดยรวม<br />ความสำคัญของการประกันคุณภาพการศึกษา มีความสำคัญ 3 ประการ คือ<br /><span style="color:#ffff00;">1.ทำให้ประชาชนได้รับข้อมูลคุณภาพการศึกษาที่เชื่อถือได้ </span>เกิดความเชื่อมั่นและสามารถตัดสินใจเลือกใช้บริการที่มีคุณภาพมาตรฐาน<br /><span style="color:#ffff00;">2.ป้องกันการจัดการศึกษาที่ไม่มีคุณภาพ</span> ซึ่งจ<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiJpXi79ulp-2iwVoPmd_dbDB3Ll_FeNUQJFFPh8XBuPUluBImqCekdJAsoo296kmYjCmZMh_BqKJBCaGFWmjCBgkUHTo1w8ceeSbGwHXL0l3gyoXSoObzt_CmpvV0BYkgOB3dWNMn-4bmM/s1600-h/animation-cartoon-002.gif"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5433545650902613122" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 269px; CURSOR: hand; HEIGHT: 238px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiJpXi79ulp-2iwVoPmd_dbDB3Ll_FeNUQJFFPh8XBuPUluBImqCekdJAsoo296kmYjCmZMh_BqKJBCaGFWmjCBgkUHTo1w8ceeSbGwHXL0l3gyoXSoObzt_CmpvV0BYkgOB3dWNMn-4bmM/s400/animation-cartoon-002.gif" border="0" /></a>ะเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคและเกิดความเสมอภาคในโอกาสที่จะได้รับการบริการการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึง<br /><span style="color:#ffff00;">3.ทำให้ผู้รับผิดชอบในการจัดการศึกษามุ่งบริหารจัดการศึกษาสู่คุณภาพ</span>และมาตรฐานอย่างจริงจัง ซึ่งมีผลให้การศึกษามีพลังที่จะพัฒนาประชากรให้มีคุณภาพอย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่องการประกันคุณภาพการศึกษาจึงเป็นการบริหารจัดการและการดำเนินกิจกรรมตามภารกิจปกติของสถานศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นการสร้างความมั่นใจให้ผู้รับบริการการศึกษา ทั้งยังเป็นการป้องกันการจัดการศึกษาที่ด้อยคุณภาพและสร้างสรรค์การศึกษาให้เป็นกลไกที่มีพลังในการพัฒนาประชากรให้มีคุณภาพสูงยิ่งขึ้นการประกันคุณภาพการศึกษาเกี่ยวข้องกับการดำเนินการที่สำคัญ 2 เรื่องดังนี้<br /><span style="color:#33ff33;">1.การกำหนดมาตรฐานคุณภาพการศึกษาซึ่งหลักปฏิบัติทั่วไป</span>จะกำหนดโดยองค์คณะบุคคล ผู้เชี่ยวชาญ หรือ ผู้มีประสบการณ์ ในระบบการศึกษาไทยตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 กำหนดให้กระทรวงการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เป็นผู้กำหนดมาตรฐานการศึกษา (พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 : มาตรา 31) โดยมีสภาการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมแห่งชาติ คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานและคณะกรรมการการอุดมศึกษาเป็นผู้พิจารณาเสนอตามลำดับสายงาน (พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542: มาตรา 34)<br /><span style="color:#33ff33;">2.กระบวนการตรวจสอบและประเมินการ</span>ดำเนินการจัดการศึกษาว่าเป็นไปตามมาตรฐาน คุณภาพการศึกษามากน้อยเพียงไร พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ได้กำหนดให้หน่วยงานต้นสังกัดและสถานศึกษา จัดให้มีระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาและให้ถือว่าการประกันคุณภาพภายใน เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารการศึกษาที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง (พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 : มาตรา 48) และให้มีการประเมินคุณภาพภายนอก ของสถานศึกษาทุกแห่งอย่างน้อยหนึ่งครั้งในทุก 5 ปี โดยสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษาเป็นผู้ดำเนินการ (พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 : มาตรา 49)<br /><span style="color:#ff0000;">กระบวนการประกันคุณภาพภายในระบบการประกันคุณภาพภายใน </span><br />หมายถึง <span style="color:#cc66cc;">ระบบการประเมินผล และการติดตามตรวจสอบคุณภาพ</span>และมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภายในโดยบุคลากรของสถานศึกษานั้นเองหรือโดยหน่วยงานต้นสังกัดที่มีหน้าที่กำกับดูแลสถานศึกษานั้น (พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 : มาตรา 4)สถานศึกษาจะต้องพัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายในให้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารและการปฏิบัติงาน โดยคำนึงถึงหลักการและกระบวนการดังต่อไปนี้<br /><span style="color:#999900;">1.หลักการสำคัญของการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษามี 3 ประการ</span> คือ(สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ 2543 : 11)<br /><span style="color:#ffcc00;">1.1 จุดมุ่งหมายของการประกันคุณภาพภายใน</span> คือ การที่สถานศึกษาร่วมกันพัฒนาปรับปรุงคุณภาพให้เป็นไปตามมาตรฐานการศึกษา ไม่ใช่การจับผิดหรือทำให้บุคลากรเสียหน้า โดยเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ การพัฒนาคุณภาพให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน<br /><span style="color:#ffcc00;">1.2 การที่จะดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายตาม</span>ข้อ 1.1 ต้องทำให้การประกันคุณภาพการศึกษาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารจัดการและการทำงานของบุคลากรทุกคนในสถานศึกษาไม่ใช่เป็นกระบวนการที่แยกส่วนมาจากการดำเนินงานตามปกติของสถานศึกษาโดยสถานศึกษาจะต้องวางแผนพัฒนาและแผนปฏิบัติการที่มีเป้าหมายชัดเจน ทำตามแผนตรวจสอบประเมินผลและพัฒนาปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เป็นระบบที่มีความโปร่งใสและมีจิตสำนึกในการพัฒนาคุณภาพการทำงาน<br /><span style="color:#ffcc00;">1.3 การประกันคุณภาพเป็นหน้าที่ของบุคลากรทุกคนในสถานศึกษา</span> ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร ครู อาจารย์และบุคลากรอื่นๆ ในสถานศึกษาโดยในการดำเนินงานจะต้องให้ผู้เกี่ยวข้อง เช่น ผู้เรียน ชุมชน เขตพื้นที่การศึกษา หรือหน่วยงานที่กำกับดูแลเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมาย วางแผน ติดตามประเมินผลพัฒนาปรับปรุง ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ ช่วยกันผลักดันให้สถานศึกษามีคุณภาพ เพื่อให้ผู้เรียนได้รับการศึกษาที่ดีมีคุณภาพ เป็นไปตามความต้องการของผู้ปกครอง สังคม และประเทศชาติ<br /><span style="color:#999900;">2.กระบวนการการประกันคุณภาพภายในตามแนวคิดของการประกันคุณภาพ มี 3 ขั้นตอนคือ</span><br />2.1 การควบคุมคุณภาพ เป็นการกำหนดมาตรฐานคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาเพื่อพัฒนาสถานศึกษาให้เข้าสู่มาตรฐาน<br />2.2 การตรวจสอบคุณภาพ เป็นการตรวจสอบ และติดตามผลการดำเนินงานของสถานศึกษาให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด<br />2.3 การประเมินคุณภาพ เป็นการประเมินคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาโดยสถานศึกษาและหน่วยงานต้นสังกัดในระดับเขตพื้นที่การศึกษาฯ และระดับกระทรวง<br /><span style="color:#999900;">3. กระบวนการประกันคุณภาพภายในตามแนวคิดของหลักการบริหารที่เป็นกระบวนการครบวงจร</span> (PDCA) ประกอบด้วย 4 ขั้นตอนคือ<br />3.1 การร่วมกันวางแผน <span style="color:#ff6600;">(Planning)</span><br />3.2 การร่วมกันปฏิบัติตามแผน <span style="color:#ff6600;">(Doing)</span><br />3.3 การร่วมกันตรวจสอบ <span style="color:#ff6600;">(Checking)</span><br />3.4 การร่วมกันปรับปรุง <span style="color:#ff6600;">(Action)<br /></span><span style="color:#ff0000;">บทบาทหน้าที่ของครูในการประกันคุณภาพภายในควรเป็นดังนี้</span><br /><span style="color:#33ccff;">1.มีการเตรียมความพร้อมของตนเอง</span> โดยทำการศึกษาให้เกิดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการ วิธีการ ขั้นตอนในการประเมินผลภายใน รวมทั้งพยายามสร้างเจตคติที่ดีต่อการประเมินภายใน<br /><span style="color:#00cccc;">2.ให้ความร่วมมือกับสถานศึกษา</span>ในการให้ข้อมูลพื้นฐานทั่วไปที่คณะกรรมการประเมินผลภายในต้องการ<br /><span style="color:#33ccff;">3.ให้ความร่วมมือกับสถานศึกษาเมื่อ</span>ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นคณะกรรมการในกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งของการประเมินผลภายใน เช่น เข้าร่วมพิจารณาจัดทำปฏิทินการปฏิบัติงานด้านการประเมินผลภายในสถานศึกษา ร่วมกันพิจารณาจัดสร้างเครื่องมือในการจัดเก็บข้อมูลลักษณะต่างๆ ในกระบวนการประเมินผลภายใน ร่วมกันทำการสำรวจเก็บข้อมูลที่คณะกรรมการสำรวจ ร่วมกันทำการวิเคราะห์ข้อมูล (หากมีความรู้ด้านการวิเคราะห์) ร่วมกันสรุปผลการประเมิน เป็นต้น<br /><span style="color:#33ccff;">4.ให้ความร่วมมือกับสถานศึกษา</span> ในการร่วมกันกำหนดจุดประสงค์ กำหนดมาตรฐานและตัวบ่งชี้ในการประเมินด้านต่าง ๆ ของสถานศึกษาเอง และร่วมกันกำหนดเกณฑ์การตัดสินมาตรฐานและตัวบ่งชี้ในด้านต่าง ๆ<br /><span style="color:#33ccff;">5.ปฏิบัติหน้าที่หลักหรือหน้าที่ประจำที่รับผิดชอบอย่างมีระบบ</span> ตามกระบวนการและสอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษา เช่น ในหน้าที่การสอนต้องมีการพัฒนาหลักสูตรและแผนการสอนที่เน้นนักเรียนเป็นสำคัญ จัดเตรียมเนื้อหาสาระที่ถูกต้องเหมาะสมกับจุดประสงค์การเรียนการสอน จัดทำสื่อการสอนที่มีประสิทธิภาพตรงตามจุดประสงค์การเรียนการสอน จัดกิจกรรม วิธีการเรียนรู้ที่สร้างให้ผู้เรียนเกิดการค้นคว้าหาความรู้สร้างความรู้ด้วยตนเอง เลือกวิธีการประเมินผลการเรียนหลากหลายและเหมาะสมรวบรวมผลสรุปผล ประเมินการเรียนการสอน พฤติกรรมของผู้เรียน นำผลการประเมินมาปรับปรุงการจัดการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น<br />การประเมินคุณภาพภายนอกความหมายของการประเมินคุณภาพภายนอกสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาการประเมินคุณภาพภายนอก คือ การประเมินคุณภาพการจัดการศึกษา การติดตาม การตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา โดยผู้ประเมินภายนอกที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา โดยผู้ประเมินภายนอกที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา(องค์การมหาชน) หรือ สมศ. เพื่อมุ่งให้มีคุณภาพดียิ่งขึ้น ผู้ประเมินภายนอกหรือคุณหมอโรงเรียนมีความเป็นอิสระ และเป็นกลาง ไม่มีผลประโยชน์ขัดแย้งกับการประเมินคุณภาพภายนอกจะนำไปสู่การเข้าถึงคุณภาพการศึกษาด้วยความเป็นกลาง เพื่อสร้างสรรค์พัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาอย่างแท้จริง<br />ความสำคัญของการประเมินคุณภาพภายนอกการประเมินคุณภาพภายนอก มีความสำคัญและมีความหมายต่อสถานศึกษาหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสาธารณชน ดังต่อไปนี้<br /><span style="color:#cc33cc;">ประการที่ 1</span> เป็นการส่งเสริมให้สถานศึกษาพัฒนาเข้าสู่เกณฑ์มาตรฐานและพัฒนาตนเองให้เต็มตามศักยภาพอย่างต่อเนื่อง<br /><span style="color:#cc33cc;">ประการที่ 2</span> เพิ่มความมั่นใจและคุ้มครองประโยชน์ให้ผู้รับบริการทางการศึกษาว่าสถานศึกษาได้จัดการศึกษามุ่งสู่คุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาที่เน้นให้ผู้เรียนเป็นคนดี มีความสามารถ และมีความสุขเพื่อเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม<br /><span style="color:#cc33cc;">ประการที่ 3</span> สถานศึกษาและหน่วยงานที่กำกับดูแล เช่น คณะกรรมการสถานศึกษา หน่วยงานต้นสังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและชุมชนท้องถิ่นมีข้อมูลที่จะช่วยตัดสินใจในการวางแผนและดำเนินการเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาให้เป็นไปในทิศทางที่ต้องการและบรรลุเป้าหมายตามที่กำหนด<br /><span style="color:#cc33cc;">ประการที่ 4</span> หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับนโยบายมีข้อมูลสำคัญในภาพรวมเกี่ยวกับคุณภาพและมาตรฐานของสถานศึกษาทุกระดับทุกสังกัด เพื่อใช้เป็นแนวทางในการกำหนดแนวนโยบายทางการศึกษาและการจัดสรรงบประมาณเพื่อการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพUnknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5848554018447807928.post-7583136907744937142010-02-02T14:12:00.002+07:002010-02-17T13:22:33.225+07:00ใบงานที่ 11สรุปสาระสำคัญเรื่อง การบริหารจัดการเพื่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษา<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjNpH9upuzAqJtqXPPM1fxRK0t7m_JcZDFJ4OI_9eMljLzlWBDkmXbAmEQaZdPjlcm0k3DBP1at5IC_Xhf0IKywA6PYz_cnKgt6O7JPUPqsS0uPAAihJm0wiltwVuZoJGYyNXndr5Sj2bLK/s1600-h/3d-animation-014.gif"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5433541127707524514" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 135px; CURSOR: hand; HEIGHT: 120px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjNpH9upuzAqJtqXPPM1fxRK0t7m_JcZDFJ4OI_9eMljLzlWBDkmXbAmEQaZdPjlcm0k3DBP1at5IC_Xhf0IKywA6PYz_cnKgt6O7JPUPqsS0uPAAihJm0wiltwVuZoJGYyNXndr5Sj2bLK/s400/3d-animation-014.gif" border="0" /></a><br /><div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjNpH9upuzAqJtqXPPM1fxRK0t7m_JcZDFJ4OI_9eMljLzlWBDkmXbAmEQaZdPjlcm0k3DBP1at5IC_Xhf0IKywA6PYz_cnKgt6O7JPUPqsS0uPAAihJm0wiltwVuZoJGYyNXndr5Sj2bLK/s1600-h/3d-animation-014.gif"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5433541127707524514" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 135px; CURSOR: hand; HEIGHT: 120px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjNpH9upuzAqJtqXPPM1fxRK0t7m_JcZDFJ4OI_9eMljLzlWBDkmXbAmEQaZdPjlcm0k3DBP1at5IC_Xhf0IKywA6PYz_cnKgt6O7JPUPqsS0uPAAihJm0wiltwVuZoJGYyNXndr5Sj2bLK/s400/3d-animation-014.gif" border="0" /></a><br /><br /><div><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjNpH9upuzAqJtqXPPM1fxRK0t7m_JcZDFJ4OI_9eMljLzlWBDkmXbAmEQaZdPjlcm0k3DBP1at5IC_Xhf0IKywA6PYz_cnKgt6O7JPUPqsS0uPAAihJm0wiltwVuZoJGYyNXndr5Sj2bLK/s1600-h/3d-animation-014.gif"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5433541127707524514" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 135px; CURSOR: hand; HEIGHT: 120px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjNpH9upuzAqJtqXPPM1fxRK0t7m_JcZDFJ4OI_9eMljLzlWBDkmXbAmEQaZdPjlcm0k3DBP1at5IC_Xhf0IKywA6PYz_cnKgt6O7JPUPqsS0uPAAihJm0wiltwVuZoJGYyNXndr5Sj2bLK/s400/3d-animation-014.gif" border="0" /></a><br /><br /><div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjNpH9upuzAqJtqXPPM1fxRK0t7m_JcZDFJ4OI_9eMljLzlWBDkmXbAmEQaZdPjlcm0k3DBP1at5IC_Xhf0IKywA6PYz_cnKgt6O7JPUPqsS0uPAAihJm0wiltwVuZoJGYyNXndr5Sj2bLK/s1600-h/3d-animation-014.gif"></a><span style="color:#ff9900;">ศึกษาเพื่อให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ในการ</span><span style="color:#ff9966;">พัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างจริงจังและเพื่อสนองต่อความต้องการของผู้รับบริการทางการศึกษา สถานศึกษาควรดำเนินการดังนี้</span></div><div><span style="color:#ff6666;">1. สถานศึกษาจะต้องดำเนินการประกันคุณภาพภายในเป็นประจำทุกปี</span></div><div><span style="color:#ff9966;">2. ให้ถือว่าการประกันคุณภาพภายในเป็นส่วนหนึ่ง</span>ของกระบวนการบริหารจัดการศึกษา และการทำงานของบุคลากรทุกคนในสถานศึกษาที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง มีการกำหนดเป้าหมายหรือมาตรฐานการศึกษาที่สอดคล้องกับความมุ่งหมายและหลักการตามที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ กำหนดระยะเวลาในการดำเนินการที่ชัดเจน และดำเนินงานตามแผน ติดตามประเมินผลการทำงานของตนเองอย่างต่อเนื่อง และนำผลการประเมินมาใช้ในการปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้เกิดกับผู้เรียนเป็นสำคัญ ไม่ใช่มุ่งเน้นการจับผิดหรือให้คุณให้โทษบุคลากรของสถานศึกษา</div><div><span style="color:#ff6600;">3. การดำเนินการประกันคุณภาพทุกขั้นตอนให้เน้นการประสานงาน</span>และการมีส่วนร่วมของทุกกลุ่มทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ บุคลากรทุกคนในสถานศึกษา กรรมการโรงเรียน ผู้ปกครอง บุคลากรของหน่วยงาน และองค์กรต่าง ๆ ในชุมชน เขตพื้นที่การศึกษาและภูมิภาคเพื่อให้สอดคล้องกับหลักการในการให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาตามมาตรา 8 ของ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ โดยสถานศึกษาควรช่วยเตรียมพร้อมให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเกิดความตระหนัก เห็นคุณค่าและมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการประกันคุณภาพการ<span style="color:#ff9966;">ศึกษา4. สถานศึกษาจะต้องจัดทำรายงานประจำปีการศึกษา</span>ให้เรียบร้องภายในเดือนเมษายนของทุกปี โดยให้แสดงผลการประเมินคุณภาพการศึกษา แนวทางหรือแผนงานในการปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพการศึกษาในปีการศึกษาต่อไป แล้วเสนอต่อหน่วยงานต้นสังกัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามที่กระทรวงกำหนด และสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา ตลอดจนสาธารณชน โดยจัดทำรายงานโดยสรุป ปิดประกาศไว้ที่โรงเรียน แจังให้ผู้ปกคองและเผยแพร่ต่อสาธารณชนได้รับทราบ รวมทั้งมีรายงานฉบับสมบูรณ์ที่พร้อมจะให้ผู้ที่สนใจขอดูได้ตลอดเวลา</div><div><span style="color:#ff9966;">5. จัดเตรียมเอกสารหลักฐานและข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาคุณภาพ</span>ตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา และมาตรฐานการศึกษาเพื่อการประเมินคุณภาพภายนอก ที่มุ่งเน้นการพัฒนาผู้เรียน และแนวทางการจัดการศึกษษ ตามหลักการและจุดมุ่งหมายของ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ และเตรียมพร้อมเพื่อรับการประเมินคุณภาพภายนอก โดยบุคลากรที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษาอย่างน้อยหนึ่งครั้งในทุกรอบห้าปีประโยชน์ของการประกันคุณภาพการศึกษาระบบการประกันคุณภาพการศึกษาจะทำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีโอกาสได้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการและการพัฒนาการศึกษาทุกขั้นตอน ตั้งแต่การกำหนดเป้าหมาย/การวางแผน การทำตามแผน การประเมินผล และการนำผลการประเมินมาปรับปรุงการดำเนินงาน นอกจากนี้การประกันคุณภาพการศึกษายังเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องดังนี้· ผู้เรียนและผู้ปกครองมีหลักประกันและความมั่นใจว่าสถานศึกษาจะจัดการศึกษาที่มีคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด· ครูได้ทำงานอย่างมืออาชีพ ได้ทำงานที่เป็นระบบที่ดี มีประสิทธิภาพ มีความรับผิดชอบที่ตรวจสอบได้ และเน้นวัฒนธรรมคุณภาพ ได้พัฒนาตนเองและผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง ทำให้เป็นที่ยอมรับของผู้ปกครองและชุมชน· ผู้บริหารได้ใช้ภาวะผู้นำ และความรู้ความสามารถในการบริหารงานอย่างเป็นระบบ และมีความโปร่งใส เพื่อพัฒนาสถานศึกษาให้มีคุณภาพ เป็นที่ยอมรับและนิยมชมชอบของผู้ปกครองและชุมชน ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อให้เกิดความภาคภูมิใจและเป็นประโยชน์ต่อสังคม· หน่วยงานที่กำกับดูแลได้สถานศึกษาที่มีคุณภาพและศักยภาพในการพัฒนาตนเอง ซึ่งจะช่วยแบ่งเบาภาระในการกำกับดูแลสถานศึกษา และก่อให้เกิดความมั่นใจในคุณภาพพทางการศึกษา และคุณภาพของสถานศึกษา· ผู้ประกอบการ ชุมชน สังคม และประเทศชาติได้เยาวชนและคนที่ดีมีคุณภาพและศักยภาพที่จะช่วยทำงานพัฒนาองค์กร ชุมชน สังคมและประเทศชาติต่อไป<br /><br /><br /><br /></div><div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjNpH9upuzAqJtqXPPM1fxRK0t7m_JcZDFJ4OI_9eMljLzlWBDkmXbAmEQaZdPjlcm0k3DBP1at5IC_Xhf0IKywA6PYz_cnKgt6O7JPUPqsS0uPAAihJm0wiltwVuZoJGYyNXndr5Sj2bLK/s1600-h/3d-animation-014.gif"></a><br /><br /><br /><br /><br /><div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjNpH9upuzAqJtqXPPM1fxRK0t7m_JcZDFJ4OI_9eMljLzlWBDkmXbAmEQaZdPjlcm0k3DBP1at5IC_Xhf0IKywA6PYz_cnKgt6O7JPUPqsS0uPAAihJm0wiltwVuZoJGYyNXndr5Sj2bLK/s1600-h/3d-animation-014.gif"></a><br /><br /><br /><br /><br /><br /><div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjNpH9upuzAqJtqXPPM1fxRK0t7m_JcZDFJ4OI_9eMljLzlWBDkmXbAmEQaZdPjlcm0k3DBP1at5IC_Xhf0IKywA6PYz_cnKgt6O7JPUPqsS0uPAAihJm0wiltwVuZoJGYyNXndr5Sj2bLK/s1600-h/3d-animation-014.gif"></a><br /><br /><br /><br /><br /><br /><br /><div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjNpH9upuzAqJtqXPPM1fxRK0t7m_JcZDFJ4OI_9eMljLzlWBDkmXbAmEQaZdPjlcm0k3DBP1at5IC_Xhf0IKywA6PYz_cnKgt6O7JPUPqsS0uPAAihJm0wiltwVuZoJGYyNXndr5Sj2bLK/s1600-h/3d-animation-014.gif"></a><br /><br /><br /><br /><br /><br /><br /><br /><div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjNpH9upuzAqJtqXPPM1fxRK0t7m_JcZDFJ4OI_9eMljLzlWBDkmXbAmEQaZdPjlcm0k3DBP1at5IC_Xhf0IKywA6PYz_cnKgt6O7JPUPqsS0uPAAihJm0wiltwVuZoJGYyNXndr5Sj2bLK/s1600-h/3d-animation-014.gif"></a><br /><br /><br /><br /><br /><br /><br /><br /><br /><div></div></div></div></div></div></div></div></div>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5848554018447807928.post-54812349271578650002010-02-02T13:49:00.000+07:002010-02-02T14:12:37.993+07:00ใบงานที่ 10 สรุปสาระสำคัญเรื่อง การวางแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา<strong>ส่วนประกอบของแผนพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา</strong><br /><span style="color:#cc33cc;">1. ปกระบุชื่อสถานศึกษา ชื่อแผน และช่วงเวลาที่ใช้แผน</span><br /><span style="color:#cc33cc;">2. คำนำ</span><br /><span style="color:#cc33cc;">3. สารบัญ</span><br /><span style="color:#cc33cc;">4. ภาพรวมของสถานศึกษา ประกอบด้วย</span><br />4.1 ข้อมูลพื้นฐานของสถานศึกษาบรรยายสรุปสาระสำคัญสั้น ๆ เพื่อความ เข้าใจในบริบท กระบวนการจัดการศึกษาในชุมชน สาระข้อมูลอาจประกอบด้วย<br /><br /><span style="color:#00cccc;">- ข้อมูลทั่วไปของสถานศึกษา</span> เช่น จำนวนบุคลา<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhzE4bIvNlDudYq2xSuYj0diPoSNQRfKfxAqYu7DraSOsFNGUPImAuFRPOl-LqILEXrGPViT4FBGFmlw64HKxbuhFTDVzjTUoTmi2IOtCjzjpjO8F0seQfBWBWqoANUon-04fXS9F-AaOOJ/s1600-h/3d-animation-028.gif"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5433537543073763186" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 314px; CURSOR: hand; HEIGHT: 208px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhzE4bIvNlDudYq2xSuYj0diPoSNQRfKfxAqYu7DraSOsFNGUPImAuFRPOl-LqILEXrGPViT4FBGFmlw64HKxbuhFTDVzjTUoTmi2IOtCjzjpjO8F0seQfBWBWqoANUon-04fXS9F-AaOOJ/s400/3d-animation-028.gif" border="0" /></a>กร ทรัพยากร สิ่งอำนวยความสะดวก อัตราส่วนของข้อมูลต่าง ๆ ที่จำเป็น<br /><br /><span style="color:#00cccc;">- ข้อมูลเกี่ยวกับชุมชน</span> เช่น สถานภาพทางสังคม และเศรษฐกิจของชุมชนความร่วมมือของชุมชน เป็นต้น<br /><br />4.2 การดำเนินของสถานศึกษาในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในช่วงที่ผ่านมา โดยกล่าวถึง ความสำเร็จที่โดดเด่นที่สถานศึกษาภาคภูมิใจ ผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนในสาขาวิชาหลักตามที่กำหนดใน หลักสูตร ผลการประเมินคุณภาพการศึกษาของประเทศ ของพื้นที่ และหน่วยงานอื่น เป็นต้น ซึ่งควร นำเสนอการดำเนินงานของสถานศึกษา ตามข้อเท็จจริงโดยจำแนกข้อมูลส่วนประกอบหลักของระบบการ จัดการศึกษา ได้แก่ หลักสูตรการเรียนการสอน การพัฒนาวิชาชีพ การจัดองค์กร และสิ่งแวดล้อมของ สถานศึกษาและการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองและชุมชน<br />4.3 สรุปสถานภาพปัจจุบันของสถานศึกษาและปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียน ชี้ให้เห็นสภาพ จุดเด่นของสถานศึกษา สภาพปัญหา อุปสรรค และจุดด้อยของสถานศึกษา ประเด็นสำคัญที่สถานศึกษากำหนด เพื่อการพัฒนาในระยะต่าง ๆ ทั้งนี้ให้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของสถานศึกษาที่จะกำหนดรอบระยะเวลาได้ตามความ เหมาะสม และวิถีการปฏิบัติของสถานศึกษาแต่ละแห่ง ซึ่งอาจจัดทำเป็นแผน 1 ปี หรือ ระยะเวลายาวขึ้น เป็น 2-3 ปี ก็ได้<br /><span style="color:#cc33cc;">5. เจตนารมณ์ของสถานศึกษา</span> เพื่อสร้างความเข้าใจปณิธานที่สถานศึกษา และชุมชนยึดมั่น และหล่อหลอมเป็นแนวปฏิบัติของสถานศึกษาในการจัดการศึกษาที่มุ่งเน้นสู่คุณภาพของผู้เรียน การ นำเสนอเจตนารมณ์ของสถานศึกษา ในแผนพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาแต่ละแห่งอาจแตกต่างกัน บางแห่ง อาจมีทั้งวิสัยทัศน์และภารกิจ บางแห่งอาจละไว้ไม่เขียนข้อความวิสัยทัศน์ แต่เริ่มต้นด้วยความเชื่อ และ ตามด้วยภารกิจของสถานศึกษา เพื่อเป็นกฎเกณฑ์ร่วม<br />5.1 วิสัยทัศน์ เป็นเจตนารมณ์ หรือความตั้งใจที่กว้าง ครอบคลุมทุกเรื่องของสถานศึกษา และ เน้นการคิดไปข้างหน้าเป็นสำคัญ แสดงถึงความคาดหวังในอนาคต โดยมิได้ระบุวิธีดำเนินงานข้อความวิสัยทัศน์จะถ่ายทอดอุดมการณ์ หลักการ ความเชื่อ และอนาคตที่พึงประสงค์ของ สถานศึกษาและชุมชน ข้อความวิสัยทัศน์จะต้องมีความชัดเจน เป็นเอกลักษณ์ของสถานศึกษา และความ ยาวประมาณ 3-5 ประโยค<br />5.2 ภารกิจ (หรือพันธกิจ) เป็นข้อความที่แสดงเจตนารมณ์ และวิธีการดำเนินงานเพื่อให้บรรลุถึง วิสัยทัศน์ ซึ่งมีลักษณ์ค่อนข้างเป็นนามธรรม ข้อความ ภารกิจแสดงว่าสถานศึกษาปรารถนาที่จะสัมฤทธิผล อะไรในปัจจุบัน และยังนำไปสู่การวางแนวปฏิบัติด้านพฤติกรรมของบุคลากรด้วย<br />5.3 เป้าหมาย (หรือจุดมุ่งหมาย) เพื่อให้ภารกิจที่กำหนดมีความเป็นไปได้ชัดเจนยิ่งขึ้น สถานศึกษาจะต้องกำหนดเป้าหมายที่ครอบคลุมด้านต่าง ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานของ สถานศึกษา เช่น ในด้านผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนด้านหลักสูตร และการเรียนการสอนสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้ การจัดองค์กร การพัฒนาวิชาชีพ และการมีส่วนร่วมจัดการศึกษาของชุมชน เป็นต้น เป้าหมายที่กำหนดให้ ระดับนี้เป็นผลลัพธ์ปลายทางที่สถานศึกษาคาดหวังจะบรรลุผลภายในช่วงเวลาที่กำหนด ลักษณะการเขียน ยังเป็นผลลัพธ์ที่คาดหวังกว้าง ๆ<br /><span style="color:#cc33cc;">6. เป้าหมายการพัฒนา (หรือวัตถุประสงค์)</span> และยุทธศาสตร์การพัฒนาคุณภาพการศึกษาของ สถานศึกษา<br />6.1 เป้าหมายการพัฒนาเป็นผลลัพธ์ที่คาดหวังในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน เป้าหมายนี้ได้จาก ประเด็นสำคัญการพัฒนาอันมาจากการวิเคราะห์ความต้องการและความจำเป็น แล้วกำหนดระยะเวลาที่จะ พัฒนาว่าเป็น 1 ปี 2 ปี หรือ 3 ปี<br />6.2 ยุทธศาสตร์การพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา ระบุยุทธศาสตร์ที่สถานศึกษาใช้ อันเป็น ยุทธศาสตร์ที่มีประสิทธิภาพ มีงานวิจัยรองรับ สามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และพัฒนาให้บรรลุผล ตามเป้าหมายได้โดยปกติแต่ละเป้าหมายการพัฒนาจะมีหลายยุทธศาสตร์รองรับเพื่อให้สามารถนำไปสู่การ ปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ<br /><span style="color:#cc33cc;">7. แผนปฏิบัติการประจำปี</span> เป็นแผนที่กำหนดกิจกรรมที่จะดำเนินการในแต่ละปี เพื่อให้ บรรลุผลตามเป้าหมายการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาภายในระยะเวลาที่กำหนดในข้อ 6 ดังนั้นแผนปฏิบัติการประจำปี ประกอบด้วย สังเขปรายละเอียดของกิจกรรม หรือขั้นตอนการ ปฏิบัติเพื่อในบรรลุผลตามยุทธศาสตร์ และเป้าหมายการพัฒนาที่กำหนด ผู้รับผิดชอบแต่ละกิจกรรม หรือ ขั้นตอนการปฏิบัติ กรอบเวลา งบประมาณ และแหล่งงบประมาณรูปแบบการเขียนนิยมใช้ตาราง ซึ่งจะช่วยให้เห็นความเชื่อมโยงตั้งแต่เป้าหมาย ยุทธศาสตร์ มาตรฐานที่เป็นจุดเน้นของการพัฒนา วิธีการประเมินผล ตัวบ่งชี้สภาพความสำเร็จ ผู้รับผิดชอบ กรอบ เวลา งบประมาณสำหรับแต่ละกิจกรรม<br /><span style="color:#cc33cc;">8. การระดมทรัพยากร</span> แหล่งสนับสนุนงบประมาณ และสรุปงบประมาณในแผนพัฒนา คุณภาพสถานศึกษา จะบอกจำนวนงบประมาณรวมที่จะต้องใช้ในแต่ละปี และแหล่งที่สถานศึกษาจะ สามารถระดมทรัพยากรและการสนับสนุนด้านงบประมาณได้ สำหรับแผนงบประมาณจะเป็นการ ดำเนินงานแยกจากแผนปฏิบัติการายปี<br /><span style="color:#cc33cc;">9. การประสานความร่วมมือกับหน่วยงาน</span> และแหล่งวิทยาการภายนอก เพื่อการสนับสนุน ทางวิชาการและอื่น ๆ เพื่อการดำเนินงานพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา โดยระบุว่าจะขอความ ร่วมมือจากหน่วยงานใด ในเรื่องใด เป็นต้น<br /><span style="color:#cc33cc;">10. การแสดงภาระความรับผิดชอบการจัดการศึกษาของสถานศึกษา</span> เป็นการประเมิน คุณภาพผู้เรียน การประเมินความก้าวหน้าของสถานศึกษา การผดุงระบบคุณภาพของสถานศึกษา และการ รายงานผลการปฏิบัติของสถานศึกษาต่อผู้เรียน บิดา มารดา ผู้ปกครอง ชุมชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง<br /><span style="color:#cc33cc;">11. กระบวนการจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา</span> และการขอรับความเห็นชอบใน แผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา โดยกล่าวถึงกระบวนการจัดทำแผน การทบทวน ปรับปรุงแผนการสร้างการยอมรับ และประชาสัมพันธ์แผนและการขอรับความเห็นชอบในแผนพัฒนา คุณภาพสถานศึกษา จากคณะกรรมการสถานศึกษา<br /><span style="color:#cc33cc;">12. ข้อมูลอื่น ๆ เช่น</span><br /><span style="color:#ffff00;">-นิยามศัพท์ที่ใช้ในแผนพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาเพื่อความเข้าใจตรงกัน<br />-การเผยแพร่แผนพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา แจกจ่ายแผนให้กับหน่วยงานใด และ บุคคลใดบ้างเป็นต้น<br />- คณะจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา</span>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5848554018447807928.post-2920993372894719992010-02-02T13:30:00.000+07:002010-02-02T14:11:58.705+07:00ใบงานที่ 9 เรื่อง การเขียนโครงการและการบริหารจัดการในโครงการเพื่อพัฒนานักเรียนและสถานศึกษา<span style="color:#ff0000;"> ลักษณะของโครงการที่ดี</span><br />โครงการเป็นการจัดกิจกรรมที่เป็นระบบ เพื่อการปฏิบัติหน้าที่องค์การให้บรรลุถึงเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งโครงการที่ดีย่อมทำให้ประสิทธิภาพของการดำเนินงาน และผลตอบแทนที่องค์การหรือหน่วยงานจะได้รับอย่างคุ้มค่า อันจะนำมาซึ่งการพัฒนาของหน่วยงานนั้นๆ ซึ่ง<span style="color:#ff9900;">ได้สรุปลักษณะ</span>ที่ดีของโครงการดังต่อไปนี้ <span style="color:#cc33cc;">1.สามารถตอบสนองความต้องการ</span>หรือแก้ปัญหาขององค์การหรือหน่วยงานได้ <span style="color:#cc33cc;">2.มีวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่ชัดเจน</span> สามารถดำเนินงานและปฏิบัติได้ <span style="color:#cc33cc;">3.รายละเอียดของโครงการต้องสอดคล้อง</span>และสัมพันธ์กัน กล่าวคือ วัตถุประสงค์ของโครงการต้องสอดคล้องกับหลักการและเหตุผล วิธีการดำเนินงานต้องสอดคล้องกับวัตถุป<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgdJyuXIXpKcK7CJeOZ0v56RGebR0F8b4ELwkSbuecOyxrRtMZh3kbXtjihV8aqVvi2gogEOQa0reLEc1Srvl1mfRpZbgWOdrHZiK8grMO_oesJapAleFtm4OnoFh8gtXoPGLD1eTt12M8k/s1600-h/animation-computer-004[1].gif"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5433533701876353122" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 301px; CURSOR: hand; HEIGHT: 161px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgdJyuXIXpKcK7CJeOZ0v56RGebR0F8b4ELwkSbuecOyxrRtMZh3kbXtjihV8aqVvi2gogEOQa0reLEc1Srvl1mfRpZbgWOdrHZiK8grMO_oesJapAleFtm4OnoFh8gtXoPGLD1eTt12M8k/s400/animation-computer-004%5B1%5D.gif" border="0" /></a>ระสงค์เป็นต้น <span style="color:#cc33cc;">4.รายละเอียดของโครงการสามารถเข้าใจได้ง่าย</span> สะดวกต่อการดำเนินงานตามโครงการ <span style="color:#cc33cc;">5.เป็นโครงการที่สามารถนำไป</span>ปฏิบัติได้ สอดคล้องกับแผนงานหลักขององค์การและสามารถติดตามประเมินผลได้ <span style="color:#cc33cc;">6.โครงการต้องกำหนดขึ้นจากข้อมูลที่มีความเป็นจริง</span> และเป็นข้อมูลที่ได้รับการวิเคราะห์อย่างรอบคอบ <span style="color:#cc33cc;">7.โครงการต้องได้รับการสนับสนุนในด้านทรัพยากร</span> และการบริหารอย่างเหมาะสม <span style="color:#cc33cc;">8. โครงการต้องมีระยะเวลาในการดำเนินงาน</span> กล่าวคือต้องระบุถึงวันเวลาที่เริ่มต้น และสิ้นสุดโครงการข้อสังเกต โครงการที่กำหนดขึ้นแม้เป็นโครงการที่มีลักษณะดีเพียงใด แต่ตัวโครงการก็ไม่อาจแก้ไขปัญหาต่างๆ ขององค์การ หน่วยงาน หรือ สังคมของชนกลุ่มใหญ่ ตามที่ได้เขียนไว้ในโครงการได้ทั้งหมด เพราะการดำเนินโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ในโครงการยังมีส่วนประกอบหรือปัจจัยอื่นๆ อีกมากมายที่อาจทำให้การดำเนินงานของโครงการบรรลุถึงเป้าหมายอย่างด้อยประสิทธิภาพ<br /><span style="color:#ff0000;">นอกจากนี้โครงการ</span>หนึ่งอาจเป็นโครงการที่ดีที่สุดในระยะหนึ่ง แต่อาจเป็นโครงการที่ใช้ประโยชน์ได้น้อยในอีกเวลาหนึ่งก็เป็นไปได้ผู้เขียนหรือกลุ่มผู้เขียนโครงการอาจจะเป็นคนละคนกับผู้ดำเนินงานตามโครงการหรืออาจจะเป็นคนๆ เดียวกันหรือกลุ่มๆเดียวกันก็ย่อมได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะปัจจัยหลายประการ เช่น ขนาดและชนิดขอโครงการลักษณะของโครงการและอื่นๆ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าโครงการจะมีขนาดเช่นใด ชนิดและประเภทใด ย่อมต้องมีรูปแบบ (Form) หรือโครงสร้าง (Structure) ในการเขียนที่เหมือนกันดังนี้<br /><span style="color:#33ff33;">1. ชื่อโครงการ</span> 2. หน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการ <span style="color:#33ff33;">3. ผู้รับผิดชอบโครงการ </span>4. หลักการและเหตุผล <span style="color:#33ff33;">5. วัตถุประสงค์และเป้าหมาย </span>6. วิธีดำเนินการ <span style="color:#33ff33;">7. แผนปฏิบัติงาน <span style="color:#333333;"><span style="color:#cc66cc;">8. ระยะเวลาในการดำเนินโครงการ</span> </span><span style="color:#33ff33;">9</span>. งบประมาณและทรัพยากรที่ต้องใช้ </span><span style="color:#ff99ff;">10. การติดตามและประเมินผลโครงการสรุปแล้วการเขียนโครงการแบบ</span>ประเพณีนิยมจะต้องมีเนื้อหาสาระที่ละเอียดชัดเจนเฉพาะเจาะจง โดยรูปแบบของโครงการจะสามารถตอบคำถามดังต่อไปนี้ได้ คือ<br />1. โครงการอะไร หมายถึง <span style="color:#ff0000;">ชื่อโครงการ</span> 2. ทำไมต้องทำโครงการนั้น หมายถึง <span style="color:#ff0000;">หลักการและเหตุผล</span> 3. ทำเพื่ออะไร หมายถึง <span style="color:#ff0000;">วัตถุประสงค์4. ทำในปริมาณ</span>เท่าใด หมายถึง <span style="color:#ff0000;">เป้าหมาย</span>5. ทำอย่างไร หมายถึง <span style="color:#ff0000;">วิธีดำเนินการ</span>6. ทำเมื่อใดและนานแค่ไหน หมายถึง <span style="color:#ff0000;">ระยะเวลาดำเนินการ</span>7. ใช้ทรัพยากรอะไร เท่าใด และได้จากไหน หมายถึง <span style="color:#ff0000;">งบประมาณและทรัพยากรอื่นๆ</span>8. ใครทำ หมายถึง <span style="color:#ff0000;">ผู้รับผิดชอบโครงการ</span>9. ต้องทำกับใคร หมายถึง <span style="color:#ff0000;">หน่วยงานหรือบุคคลที่ให้การสนับสนุน</span>10. ทำได้บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายหรือไม่ หมายถึง <span style="color:#ff0000;">การประเมินผล</span>11. เกิดอะไรขึ้นเมื่อสิ้นสุดโครงการ หมายถึง <span style="color:#ff0000;">ผลที่คาดว่าจะได้รับ</span> 12. มีปัญหาอุปสรรคหรือไม่ หมายถึง <span style="color:#ff0000;">ข้อเสนอแนะโครงการทุกโครงการ</span> หากผู้เขียนโครงการสามารถตอบคำถามทุกคำถามดังกล่าวได้ทั้งหมด อาจถือได้ว่าเป็นการเขียนโครงการที่มีความสมบูรณ์ในรูปแบบ และหากการตอบคำถามได้อย่างมีเหตุผลและมีหลักการ ย่อมถือได้ว่าโครงการที่เขียนขึ้นนั้นเป็นโครงการที่ดี นอกจากจะได้รับการพิจารณาอนุมัติโดยง่ายแล้ว ผลของการดำเนินงานมักจะมีประสิทธิภาพด้วยปัญหาในการเขียนโครงการในการเขียนโครงการนั้นเป็นการกำหนดกิจกรรมต่างๆ หรือกิจกรรมที่จะทำในอนาคตโดยอาศัยข้อมูลต่างๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบันเป็นตัวกำหนดกิจกรรมในโครงการ เมื่อเป็นเช่นนี้หากเป็นโครงการที่ดีย่อมนำมาซึ่งคุณภาพและประสิทธิภาพของหน่วยงาน โครงการบางโครงการเมื่อเขียนขึ้นมาแล้วไม่สามารถนำไปใช้ปฏิบัติได้ เนื่องจากปัญหาต่างๆ ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้<br /><span style="color:#33ccff;">1. ขาดบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถที่แท้จริง</span>ในการเขียนโครงการ โครงการจำนวนไม่น้อยที่เขียนขึ้น โดยบุคคลที่ไม่มีความรู้ความสามารถในเรื่องนั้น ขาดข้อมูลที่มีความเป็นจริง หรือขาดข้อมูลที่จะต้องใช้จริง ผู้เขียนโครงการเขียนโครงการโดยได้รับการมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาผลจากการเขียนโครงการในลักษณะนี้จะทำให้เกิดปัญหาแก่ผู้ปฏิบัติโครงการในการจะนำเอาโครงการไปปฏิบัติให้เกิดเป็นผลได้อย่างมีคุณภาพและประสิทธิภาพ<br /><span style="color:#00cccc;">2. ระยะเวลาที่ใช้ในการเขียนโครงการ</span> หลายโครงการประสบปัญหาเกี่ยวกับการจัดทำโครงการในระยะอันสั้น ทำให้ไม่สามารถที่จะศึกษาข้อมูลพื้นฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้อย่างละเอียด ข้อมูลบางชนิดขาดการวิเคราะห์ที่ดีพอ เมื่อเขียนโครงการขึ้นมาแล้วจึงขาดความชัดเจนของข้อมูล จึงเป็นปัญหายุ่งยากในการนำเอาโครงการไปปฏิบัติ<br /><span style="color:#33ccff;">3. ขาดวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน</span> ในการเขียนโครงการบางโครงการขาดวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนในการเขียนโครงการ เป็นผลให้เกิดความยุ่งยากต่อการตรวจสอบ ควบคุมและติดตามการดำเนินงาน และมีผลสืบเนื่องถึงการประเมินผลโครงการด้วย<br /><span style="color:#33ccff;">4. การเขียนโครงการเป็นเรื่องของอนาคต</span> ที่อาจมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้น อันเป็นผลมาจากตัวแปรต่างๆ ที่ผู้เขียนโครงการไม่สามารถควบคุมได้ เช่น ภัยธรรมชาติต่างๆ หรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ได้แก่ การเมือง เศรษฐกิจ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนมีผลกระทบต่อการดำเนินงานทั้งสิ้นและเป็นสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ จึงเป็นปัญหาอย่างสำคัญของการเขียนโครงการ<br /><span style="color:#33ccff;">5. ขาดการสนับสนุนจากผู้บริหารองค์การ</span> ในบางครั้งการเขียนโครงการ แม้จะเขียนดีเพียงใด หากผู้บริหารไม่ให้ความสนใจขาดการสนับสนุนในเรื่องงบประมาณ และทรัพยากรต่างๆที่จำเป็นต่อการทำโครงการอย่างเพียงพอ ย่อมจะสร้างปัญหาให้แก่การดำเนินโครงการได้เช่นเดียวกัน<br /><span style="color:#33ccff;">6. ขาดการประสานงานและร่วมมือจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง</span> โครงการบางโครงการจำเป็นที่จะต้องมีการประสานงานกับองค์กรหรือหน่วยงานอื่นๆ เพื่อให้โครงการที่ทำอยู่บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ โครงการที่จะสำเร็จได้จะต้องได้รับความร่วมมือจากองค์กรหรือหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการปฏิบัติตามโครงการด้วย หากขาดการประสานงานและร่วมมือจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องแล้วก็จะทำให้เกิดปัญหาในการทำโครงการ โครงการดังกล่าวก็บรรลุวัตถุประสงค์ได้ยากหรืออาจจะไม่บรรลุวัตถุประสงค์ก็ได้Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5848554018447807928.post-16290128780234614342010-01-22T15:54:00.002+07:002010-02-17T13:35:36.099+07:00ใบงานที่ 6 เรื่องการเรียนรู้วัฒนธรรมองค์กร<span style="color:#33cc00;">ให้นักศึกษาศึกษาวัฒนธรรมองค์กรจากเอกสารและในInternet แล้วแสดงความคิดเห็นในประเด็นดังนี้<br /></span><span style="color:#ffff00;">1.ความหมายวัฒนธรรมองค์กร คืออะไร<br /></span><span style="color:#ff0000;">ตอบ</span> สิ่งต่างๆ อันประกอบด้วยสิ่งประดิษฐ์ แบบแผนพฤติกรรม บรรทัดฐาน ความเชื่อ ค่านิยม อุดมการณ์ ความเข้าใจ และข้อสมมุติพื้นฐานของคนจำนวนหนึ่งหรือส่วนใหญ่ภายในองค์การ<br /><span style="color:#ffff00;">2.ทำไมหากเราไปเป็นครูสอนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เราควรจะศึกษาอะไรบ้างที่จะทำให้ อยู่ ใน สังคมอย่างมีความสุข<br /></span><span style="color:#ff0000;">ตอบ</span> 1.เราควรศึกษาวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของบุคคลและศาสนาที่ประชาชนในที่นั้นนับถืออยู่<br />2.เราควรศึกษาลักษณะอาชีพส่วนใหญ่ในพื้นที่<br />3.เราควรศึกษาประเพณี วัฒนธรรมที่มีในพื้นที่<br />4.ศึกษาลักษณะนิสัย ความเชื่อ<br /><span style="color:#ffff00;">3.รูปแบบวัฒนธรรมการทำงานเป็นทีมเกิดขึ้นได้อย่างไร<br /></span><span style="color:#ff0000;">ตอบ</span> <span style="color:#33ff33;">1.การรับฟังมุมมองที่แตกต่าง ไม่</span>อคติ มีใจเป็นกลาง มีเหตุผล ไม่คิดว่า ความคิดของตนเองถูกแล้ว ดีแล้วเสมอ ไม่คิดว่า ความคิดของคนอื่นผิด หรือ ผิดทั้งหมดเสมอ ไม่พูดจาหรือแสดงออกที่เป็นการดูถูกผู้อื่น<br /><span style="color:#33ff33;">2.ทุกคนกล้าที่จะแสดงความคิดเห็นยอมรับ</span>และหาวิธีการที่ผสมผสานให้เกิดประโยชน์สูงสุด (ไม่เอาแพ้ – ไม่เอาชนะกัน)<br /><span style="color:#33ff33;">3.ไม่คิดว่า เคยทำอย่างไรมา</span> ก็จะต้องทำอย่างนั้นตลอดไป โดยไม่ดูข้อมูลหรือ ปัจจัยที่เปลี่ยนไป (ไม่ใช่อะลุ่มอล่วยด้วยความรู้สึกเห็นใจ)<br /><span style="color:#33ff33;">4.ไม่ตีกรอบการทำงานของตัวเอง</span> แต่จะพิจารณาถึงเป้าหมาย / หลักการ ถ้าเป็นการเพิ่ม Performance ให้กับตัวเองและส่วนรวม จะลองเอาไปคิดและทำดู<br /><span style="color:#33ff33;">5.ไม่หนีปัญหา</span> แต่จะจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหา หากทีมใดกลุ่มใดมีหลักการข้างต้นแล้วจะทำให้เกิดวัฒนธรรมที่ดีและทำให้การทำงานเป็นทีมนั้นประสบความสำเร็จ<br /><span style="color:#ffff00;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgA24Jrym-Ll1cfusDkJHcYzjOwFXIAv0BQZkP1qHe_AiBB4p3h_VGmMRi6o2igQDN9ZdnNRc7EOQSsAkt6Jy26qgVblyXXaDxc65G_mEOfzcCfxO9s3k3VZECcG-HVGjGeaG-D0ED2BB2_/s1600-h/animation-3d-01.gif"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5430509376985768754" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 253px; CURSOR: hand; HEIGHT: 192px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgA24Jrym-Ll1cfusDkJHcYzjOwFXIAv0BQZkP1qHe_AiBB4p3h_VGmMRi6o2igQDN9ZdnNRc7EOQSsAkt6Jy26qgVblyXXaDxc65G_mEOfzcCfxO9s3k3VZECcG-HVGjGeaG-D0ED2BB2_/s400/animation-3d-01.gif" border="0" /></a>4.การเรียนรู้เกิดขึ้นได้อย่างไร<br /></span><span style="color:#ff0000;">ตอบ การเรียนรู้เกิดขึ้นได้ดังต่อไปนี้</span><br /><span style="color:#ff0000;">1. การเรียนรู้เป็นกระบวนการที่บุคคลเรียนรู้ </span><span style="color:#ccffff;">โดยได้ร่วมกันกระทำโดยวิธีใดวิธีหนึ่ง หรือได้ลงมือกระทำสิ่งที่จะเรียนรู้จริงนั้น</span><br /><span style="color:#ff0000;">2. การเรียนรู้ที่แท้จริงจะมีได้ก็ต่อเมื่อผู้เรียน</span><span style="color:#ccccff;">ได้บรรลุจุดประสงค์ หรือ ได้รับสิ่งที่ตนต้องการ ดังนั้นอาจจะกล่าวได้ว่าการเรียนรู้จะเกิดขึ้นเมื่อผู้เรียนมีความสนใจ หรือมีความต้องการในบางสิ่งบางอย่าง ผู้เรียนได้ลงมือกระทำกิจกรรมโดยตั้งอกตั้งใจ เพราะมีความสนใจในสิ่งนั้น หรือสิ่งที่ตนต้องการเรียนรู้<br /></span><span style="color:#ff0000;">3. การเรียนรู้เกาหรือประสบการณ์ที่ผ่านมาแล้ว </span><span style="color:#ccccff;">จะกระตุ้นให้เกิดการเรียนใหม่ๆขึ้น โดยเฉพาะกับประสบการณ์ที่ผ่านมาแล้วนั้นเป็นสิ่งที่สมปรารถนาและน่าตื่นเต้น การเรียนรู้ใหม่ๆ ที่สะสมขึ้น เนื่องจากประสบการณ์ก่อนๆ หรือที่สัมพันธ์กับประสบการณ์ก่อนๆ นี้เป็นหลักสำคัญของการเรียนรู้ทุกชนิด<br /></span><span style="color:#ff0000;">4. การเรียนรู้ทักษะและทัศนะคติใหม่ ๆ </span><span style="color:#ccccff;">เป็นเรื่องของบุคคลแต่ละบุคคลต้องเรียนรู้เองคนเราอาจเรียนรู้เป็นกลุ่มได้ แต่การเรียนรู้และเปลี่ยนพฤติกรรมความคิดเห็นเป็นเรื่องส่วนบุคคลและเป็นรายบุคคล</span><br /><span style="color:#ff0000;">5.การสอนเป็นการแนะแนวที่จนให้ผู้เรียนรู้จัดช่วยตนเอง</span><span style="color:#ccccff;"> เป็นการแนะแนวทางให้การเรียนดำเนินไปด้วยดีการเรียนเป็นกระบวนการอันหนึ่งที่บุคคลจะเปลี่ยนพฤติกรรม ความรู้สึกความคิดเห็นและการกระทำของตนเองได้ลงมือปฏิบัติจริง ๆ การเรียนเป็นกิจกรรมอันหนึ่งที่จะทำให้บุคคลเปลี่ยนแปลงไปภายหลังเพราะได้เรียนบางสิ่งบางอย่าง เราจึงเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลงความรู้ที่มีอยู่เก่า กระทำหรือดำเนินกิจกรรมบางอย่างผิดจากแต่ก่อนหรือเปลี่ยนทัศนคติ ความคิดเห็นในเรื่องบางเรื่อง</span>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5848554018447807928.post-61145091470404709012010-01-22T12:50:00.000+07:002010-01-25T09:56:14.536+07:00ใบงานที่ 5 เรื่อง การติดต่อสื่อสารในองค์กร<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhrnGmfc1NKkp6k45AhPhO39yYmE43ilwlpU6rde2SSQi3TuGfCN4gAfTRwhl8UdW1PrRfreCtO-4ZTk9WeQfCWyUfpHxUwWGtfjpe7DIYCMSkg0NaxPjhP4d_AAmARVu3RtxL4qADSBauD/s1600-h/3d-animation-027.gif"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5429458476847840674" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 90px; CURSOR: hand; HEIGHT: 90px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhrnGmfc1NKkp6k45AhPhO39yYmE43ilwlpU6rde2SSQi3TuGfCN4gAfTRwhl8UdW1PrRfreCtO-4ZTk9WeQfCWyUfpHxUwWGtfjpe7DIYCMSkg0NaxPjhP4d_AAmARVu3RtxL4qADSBauD/s400/3d-animation-027.gif" border="0" /></a><br /><div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhrnGmfc1NKkp6k45AhPhO39yYmE43ilwlpU6rde2SSQi3TuGfCN4gAfTRwhl8UdW1PrRfreCtO-4ZTk9WeQfCWyUfpHxUwWGtfjpe7DIYCMSkg0NaxPjhP4d_AAmARVu3RtxL4qADSBauD/s1600-h/3d-animation-027.gif"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5429458476847840674" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 90px; CURSOR: hand; HEIGHT: 90px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhrnGmfc1NKkp6k45AhPhO39yYmE43ilwlpU6rde2SSQi3TuGfCN4gAfTRwhl8UdW1PrRfreCtO-4ZTk9WeQfCWyUfpHxUwWGtfjpe7DIYCMSkg0NaxPjhP4d_AAmARVu3RtxL4qADSBauD/s400/3d-animation-027.gif" border="0" /></a><br /><br /><div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhrnGmfc1NKkp6k45AhPhO39yYmE43ilwlpU6rde2SSQi3TuGfCN4gAfTRwhl8UdW1PrRfreCtO-4ZTk9WeQfCWyUfpHxUwWGtfjpe7DIYCMSkg0NaxPjhP4d_AAmARVu3RtxL4qADSBauD/s1600-h/3d-animation-027.gif"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5429458476847840674" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 90px; CURSOR: hand; HEIGHT: 90px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhrnGmfc1NKkp6k45AhPhO39yYmE43ilwlpU6rde2SSQi3TuGfCN4gAfTRwhl8UdW1PrRfreCtO-4ZTk9WeQfCWyUfpHxUwWGtfjpe7DIYCMSkg0NaxPjhP4d_AAmARVu3RtxL4qADSBauD/s400/3d-animation-027.gif" border="0" /></a>ให้นักศึกษาอธิบายในประเด็นดังต่อไปนี้<br /><span style="color:#ffff00;">1.ความหมายองค์กรและองค์การองค์กร(Organ) หมายถึง</span><br /><span style="color:#ff0000;">ตอบ</span> ส่วนประกอบย่อยของหน่วยใหญ่ที่ทำหน้าที่สัมพันธ์กัน หรือขึ้นต่อกันและกัน องค์การ(Organization) หมายถึง การเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมที่ร่วมประกอบกันขึ้นเป็นหน่วย<br /><span style="color:#ffff00;">2.องค์ประกอบของการสื่อสารองค์ประกอบของการสื่อสาร ประกอบด้วย</span><br /><span style="color:#ff0000;">ตอบ </span>1. ผู้ส่งข่าวสาร <span style="color:#cc66cc;">(Sender)</span> 2. ข้อมูลข่าวสาร <span style="color:#cc66cc;">(Message)</span> 3. สื่อในช่องทางการสื่อสาร <span style="color:#cc66cc;">(Media)</span> 4. ผู้รับข่าวสาร <span style="color:#cc66cc;">(Receivers)</span><br />5. ความเข้าใจและการตอบสนอง<br /><span style="color:#ffff00;">3.การสื่อสารมีช่องสื่อสารอย่างไรบ้าง<br /></span><span style="color:#ff0000;">ตอบ</span><span style="color:#00cccc;"> ช่องทางการติดต่อสื่อสาร (Channel Communication) เพื่อใช้แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างผู้ใช้บริการกับผู้ให้บริการผ่านทางโครงข่ายโทรคมนาคมช่องทางการสื่อสาร เป็นองค์ประกอบที่สำคัญอย่างหนึ่งของการสื่อสารข้อมูลซึ่งหมายถึง สื่อกลางการส่งผ่านสารสนเทศระหว่างอุปกรณ์ 2 ชนิด โดยการสื่อสารข้อมูลผ่านช่องทางการสื่อสารนี้ ความเร็วในการสื่อสารข้อมูลจะขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐาน 2 ประการ คือ ความกว้างของช่องสัญญาณและชนิดของข้อมูล นอกจากนี้แล้วชนิดของข้อมูลก็ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งที่มีผลกระทบต่อปริมาณ และความรวดเร็วในการสื่อสารกล่าวคือชนิดข้อมูลที่เป็นข้อความจะมีขนาดเล็กทำให้การส่งผ่านข้อมูลไปมาทำได้สะดวกรวดเร็วแม้จะมีแบนด์วิดท์น้อยก็ตามแต่ในทางกลับกัน หากช่องทางการสื่อสารนั้นมีแบนด์วิดท์กว้าง แต่ชนิดข้อมูลกลับเป็นไฟล์วิดีโอซึ่งขนาดใหญ่มากก็จะทำให้ส่งผ่านข้อมูลได้ช้า ช่องทางการติดต่อสื่อสารแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด-ช่องทางการสื่อสารแบบมีสาย (Physical_Wire) เช่น สายทวิสเตดแพร์ (Twisted-pair Wire) สายโคแอกเชียล (Coaxial Cable) และเคเบิลใยแก้วนำแสง (Fiber-optic Cable) เป็นต้น-ช่องทางการสื่อสารแบบไร้สาย (Wireless) เช่น ไมโครเวฟ (Microwave) ดาวเทียม (Satellite) แสงอินฟราเรด (Infrared) คลื่นวิทยุ (Radio) และเซลลาร์ เป็นต้น<br /></span><span style="color:#ffff00;">4.วัตถุประสงค์ของการสื่อสารมีอะไรบ้าง<br /></span><span style="color:#ff0000;">ตอบ</span> <span style="color:#33ff33;">วัตถุประสงค์ของการสื่อสารมนุษย์</span>ทุกคนมีความจำเป็นต้องอยู่ร่วมกันกับบุคคลอื่น และเพื่อให้การอยู่ร่วมกันนั้นดำเนินไปอย่างสันติสุข การสื่อสารจึงเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่ง โดยปกติมนุษย์จะใช้การสื่อสารเพื่อวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้ <span style="color:#ff0000;">1.เพื่อ</span><span style="color:#ff0000;">แจ้งให้ทราบ</span> หมายถึง การสื่อสารที่ผู้ส่งสารจะแจ้ง หรือบอกกล่าวข่าวสาร ข้อมูลเหตุการณ์ ความคิด ความต้องการของตนให้ผู้รับได้ทราบ<span style="color:#ff0000;"> 2. เพื่อสอนหรือให้การศึกษา</span> เป็นการสื่อสารที่มุ่งจะให้ผู้รับมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทางด้านองค์ความรู้ ความคิด สติปัญญา จึงมุ่งเน้นไปที่การเรียนการสอน หรือการศึกษาค้นคว้าทางวิชาการโดยเฉพาะ<span style="color:#ff0000;"> 3. เพื่อสร้างความพอใจหรือให้ความบันเทิง</span> หมายถึง การสื่อสารที่มุ่งให้เกิดผลทางจิตใจหรืออารมณ์ ความรู้สึกแก่ผู้รับสาร เช่น ทำให้เกิดความบันเทิง รื่นเริง สนุกสนาน เกิดความพอใจ เกิดความสุข ความสบายใจ เป็นต้น <span style="color:#ff0000;">4. เพื่อเสนอหรือชักจูงใจ</span> จะมุ่งเน้นให้ผู้รับสารมีพฤติกรรมคล้อยตาม หรือยอมปฏิบัติตาม เช่น เปลี่ยนทัศนคติจากที่เคยไม่ชอบมาชอบได้ ฉะนั้น ผู้ส่งสารจึงต้องใช้วิธีการนำเสนอสารในรูปแบบของการแนะนำ ชี้แนะ หรือยั่วยุ และปลุกเร้าที่เหมาะสม<br /><span style="color:#ffff00;">5.ในฐานะที่เป็นนักศึกษาครูจะนำวิธีการสื่อสารไปใช้ได้อย่างไร<br /></span><span style="color:#ff0000;">ตอบ </span><span style="color:#33ff33;">ในฐานะที่ดิฉันเป็นนักศึกษาครู</span> ซึ่งการสื่อสารที่ดีเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการประกอบอาชีพครู ดิฉันจะใช้การสื่อสารในหลายๆรูปแบบมาประยุกต์ใช้ร่วมกันเช่น การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการเรียนการสอน ที่ช่วยให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง หรือการเรียนรู้ที่เน้นนักเรียนเป็นศูนย์กลาง</div></div>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5848554018447807928.post-31364074696139488772010-01-22T12:11:00.000+07:002010-01-25T10:58:49.233+07:00ใบงานที่4 เรื่องการทำงานเป็นทีม<div>ให้นักศึกษาอธิบายในประเด็นดังนี้<br /><span style="color:#ffff00;">1.หลักการของการทำงานเป็นทีมควรเป็นอย่างไรหลักการทำงานเป็นทีม</span><br /><span style="color:#ff0000;">ตอบ </span><span style="color:#cc66cc;">1.</span> <span style="color:#cc66cc;">การตั้งวัตถุประสงค์ของทีมงานอย่างชัดเจน</span> วัตถุประสงค์เป็นจุดหมายที่เราจะต้องบรรลุให้ได้<br /><span style="color:#cc33cc;">2. การกำหนดขั้นตอนการทำงานของทีมงาน</span> การทำงานเป็นทีมจะต้องเป็นระบบ ดังนั้น ต้องมีความชัดเจนว่าใครจะเป็นคนทำ ทำอะไร ทำที่ไหน ทำอย่างไร ทำทำไม และทำเมื่อใด<br /><span style="color:#cc33cc;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgAJoi89cVsq3fdHHh9APZE8dXzJ06C2BA8dDIErv4g4h9FGuwiCaKy0b22AnhNi04WDC4mSmQ188hC3yW8qUJ1Fl08qr9B_-BA5fLZvjTrHHrh9RaSKqR2DZuTS2hpc9-20xdWHgdVs93I/s1600-h/movement1.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5429436012686835618" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 260px; CURSOR: hand; HEIGHT: 228px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgAJoi89cVsq3fdHHh9APZE8dXzJ06C2BA8dDIErv4g4h9FGuwiCaKy0b22AnhNi04WDC4mSmQ188hC3yW8qUJ1Fl08qr9B_-BA5fLZvjTrHHrh9RaSKqR2DZuTS2hpc9-20xdWHgdVs93I/s400/movement1.jpg" border="0" /></a>3. การกำหนดทิศทางของทีมงาน</span> ทิศทางการทำงานของทีมจะแสดงถึงความมุ่งมั่น ความตั้งใจ และความแน่วแน่ของทีมงานในการทำงานให้ประสบ ความสำเร็จซึ่งถือเป็นการแสดงภาวะผู้นำของทีมงานด้วย<br /><span style="color:#cc33cc;">4. การสื่อข้อความ</span> หรือการสื่อสารภายในทีมงาน เพราะการสื่อสารโดยเสรี จริงจังจริงใจ และปราศจากการปิดบังซ่อนเร้นจะทำให้การดำเนินงานของ ทีมงานชัดเจนโปร่งใส และตรวจสอบได้ทุกระยะ<br /><span style="color:#cc33cc;">5. การมีส่วนร่วมของสมาชิกในทีมงาน</span> สมาชิกทุกคนเป็นทรัพยากรที่มีค่า และ แน่นอนว่าไม่มีใครจะเก่งทุกเรื่อง ดังนั้น การที่เราให้ทุกคนมีส่วนร่วมใน การทำงาน อย่างเต็มที่จะทำให้เกิดความผูกพันในทีมงานเป็นอย่างสูง<br /><span style="color:#cc33cc;">6. การบริหารเวลาของทีมงาน</span> การบริหารเวลาเป็นเรื่องสำคัญมากการใช้เวลามากไปหรือน้อยไปล้วนแต่จะก่อให้เกิดผลเสียต่อทีมงาน การใช้เวลาที่ เหมาะสมอย่างเต็มประสิทธิภาพจะทำให้เกิดประสิทธิผลของงานอย่างเต็มที่<br /><span style="color:#cc33cc;">7. การตัดสินใจของทีมงาน</span> การตัดสินใจของทีมงานย่อมมีผลผูกพันกับสมาชิกดังนั้น สมาชิกทุกคนจึงต้องมีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจด้วยจึงจะ เป็นการตัดสินใจที่ชอบด้วยเหตุและผล<br /><span style="color:#cc33cc;">8. การวิพากษ์การทำงานของทีมงาน</span> การวิพากษ์เป็นเครื่องมือที่จะช่วยปรับปรุงผลงานของทีมงานให้ดีขึ้นดังนั้นทีมงานที่ดี จึงควรที่จะให้ สมาชิกวิพากษ์ กระบวนการทำงานของทีม เพื่อหาข้อบกพร่อง และข้อควรปรับปรุงแก้ไข ต่อไป<br /><span style="color:#cc33cc;">9. การสร้างวัฒนธรรมของทีมงาน</span> วัฒนธรรมเกิดจากการประพฤติและการปฏิบัติร่วมกันของสมาชิกในทีมงานจนก่อเกิดเป็นเป็นวัฒนธรรมของทีมงานซึ่ง อาจเป็นวัฒนธรรมที่ดีหรือไม่ดีก็ได้ วัฒนธรรมที่ดีก็จะช่วยทำให้เกิดผลงานที่ดีด้วย<br /><span style="color:#cc33cc;">10. ความผูกพันของทีมงาน</span> ทีมงานที่ดีจะสามารถสร้างพันธกิจร่วมกันให้สมาชิกเกิดความผูกพันกับทีมงาน และร่วมกันนำพาทีมงานให้ประสบความ สำเร็จอย่างยั่งยืน มิฉะนั้นก็จะเป็นเพียงทีมงานเฉพาะกิจที่อยู่ได้ไม่นานนัก<br /><span style="color:#ffff00;">2.มีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้การทำงานเป็นทีมประสบผลสำเร็จ</span><br /><span style="color:#ff0000;">ตอบ</span> <span style="color:#cc33cc;">ปัจจัยที่จะก่อให้เกิดการทำงานเป็นทีม</span><br /><div><div><span style="color:#33ccff;">1. สมาชิกทุกคนต้องรู้และเข้าใจในวัตถุประสงค์ของงาน และมีความสำนึกผูกพันที่จะร่วมปฏิบัติการเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์นั้นอย่างจริงจัง</span></div><div><span style="color:#33ccff;">2. สมาชิกของทีมรู้ถึงความรู้ ความสามารถ และพฤติกรรมของตนเองและของเพื่อนร่วมทีมของตนเป็นอย่างดี</span></div><div><span style="color:#33ccff;">3. สมาชิกในทีมรู้กระจ่างถึงบทบาทของตนในการทำงานร่วมทีมและแสดงบทบาทของตนได้อย่างเหมาะสม</span></div><div><span style="color:#33ccff;">4. มีกฎ ระเบียบ และมาตรฐานในการปฏิบัติงาน เพื่อควบคุมและคุ้มครองให้สมาชิกได้ปฏิบัติร่วมกันได้อย่างมีผลดี ปลอดภัย และราบรื่น</span></div><div><span style="color:#33ccff;">5. มีระบบการติดต่อสื่อสารที่ดีในระหว่างสมาชิก</span></div><div><span style="color:#33ccff;">6. มีมาตรการที่มีประสิทธิภาพเพื่อขจัดปัญหาขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น</span></div><div><span style="color:#33ccff;">7. มีวิธีการที่สมาชิกร่วมปฏิบัติเพื่อก่อให้เกิดความร่วมมือในการทำงาน</span></div><div><span style="color:#33ccff;">8. มีวิธีการที่ปฏิบัติเป็นประจำสม่ำเสมอในการสร้างความรู้สึกในระหว่างสมาชิกให้มีสำนึกในความเป็นกลุ่มหรือพวกเดียวกัน</span></div><div><span style="color:#33ccff;">9. มีวิธีการทำงานที่ดี</span></div><div><span style="color:#33ccff;">10. มีการสร้างบรรยากาศที่ดีในการร่วมทำงานอยู่เสมอ<br /></span><span style="color:#ffff00;">3.ในฐานะที่ท่านเป็นครูท่านจะนำวิธีการทำงานเป็นทีมไปประยุกต์ใช้กับการสอนได้อย่างไร</span><br /><span style="color:#ff0000;">ตอบ </span><span style="color:#33ccff;">1. บรรยากาศของการทำงานมีความเป็นกันเอง</span> อบอุ่น มีความกระตือรือร้น และสร้างสรรค์ทุกคนช่วยกันทำงานอย่างจริงจัง และจริงใจ ไม่มีร่องรอยที่แสดงให้เห็นถึงความเบื่อหน่าย<br /><span style="color:#00cccc;">2. ความไว้วางใจกัน (Trust)</span> เป็นหัวใจสำคัญของการทำงานเป็นทีม สมาชิกทุกคนในทีมควรไว้วางใจซึ่งกันและกันได้ ซื่อสัตย์ต่อกัน สื่อสารกันอย่างเปิดเผย ไม่มีลับลมคมใน<br /><span style="color:#00cccc;">3. มีการมอบหมายงานอย่างชัดเจน</span> สมาชิกทีมงานเข้าใจวัตถุประสงค์ เป้าหมาย และยอมรับภารกิจหลักของทีมงาน<br /><span style="color:#00cccc;">4. บทบาท (Role) สมาชิกแต่ละคนเข้าใจและปฏิบัติตามบทบาทของตน</span> และเรียนรู้เข้าใจในบทบาทของผู้อื่นในทีม ทุกบทบาทมีความสำคัญ รวมทั้งบทบาทในการช่วยรักษาความเป็นทีมงานให้มั่นคง เช่น การประนีประนอม การอำนวยความสะดวก การให้กำลังใจ เป็นต้น<br /><span style="color:#00cccc;">5. วิธีการทำงาน (Work Procedure) สิ่งสำคัญที่ควรพิจารณา คือ</span><br /><span style="color:#cc33cc;">5.1 การสื่อความ</span><span style="color:#cc33cc;"> (Communication)</span> การทำงานเป็นทีมอาศัยบรรยากาศ การสื่อความที่ชัดเจนเหมาะสม ซึ่งจะทำให้ทุกคนกล้าที่จะเปิดใจ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน จนเกิดความเข้าใจ และนำไปสู่การทำงานที่มีประสิทธิภาพ<br /><span style="color:#cc33cc;">5.2 การตัดสินใจ (Decision Making)</span> การทำงานเป็นทีมต้องใช้การตัดสินใจร่วมกัน เมื่อเปิดโอกาสให้สมาชิกในทีมแสดงความคิดเห็น และร่วมตัดสินใจแล้ว สมาชิกย่อมเกิดความผูกพันที่จะทำในสิ่งที่ตนเองได้มีส่วนร่วมตั้งแต่ต้น<br /><span style="color:#cc33cc;">5.3 ภาวะผู้นำ (Leadership)</span> คือ บุคคลที่ได้รับการยอมรับจากผู้อื่น การทำงานเป็นทีมควรส่งเสริมให้สมาชิกทุกคนได้มีโอกาสแสดงความเป็นผู้นำ (ไม่ใช่ผลัดกันเป็นหัวหน้า) เพื่อให้ทุกคนเกิดความรู้สึกว่าได้รับการยอมรับ จะได้รู้สึกว่าการทำงานเป็นทีมนั้นมีความหมาย ปรารถนาที่จะทำอีก<br /><span style="color:#cc33cc;">5.4 การกำหนดกติกา หรือกฎเกณฑ์ต่าง ๆ</span> ที่จะเอื้อต่อการทำงานร่วมกันให้บรรลุเป้าหมาย ควรเปิดโอกาสให้สมาชิกได้มีส่วนร่วม ในการกำหนดกติกา หรือกฎเกณฑ์ที่จะนำมาใช้ร่วมกัน<br /><span style="color:#00cccc;">6. การมีส่วนร่วมในการประเมินผลการทำงานของทีม</span> ทีมงานควรมีการประเมินผลการทำงาน เป็นระยะ ในรูปแบบทั้งไม่เป็นทางการ และเป็นทางการ โดยสมาชิกทุกคนมีส่วนร่วมในการประเมินผลงาน ทำให้สมาชิกได้ทราบความก้าวหน้าของงาน ปัญหา อุปสรรคที่เกิดขึ้น รวมทั้งพัฒนากระบวนการทำงาน หรือการปรับปรุงแก้ไขร่วมกัน ซึ่งในที่สุดสมาชิกจะได้ทราบว่าผลงานบรรลุเป้าหมาย และมีคุณภาพมากน้อยเพียงใด<br /><span style="color:#00cccc;">7. การพัฒนาทีมงานให้เข้มแข็ง </span><br /><span style="color:#cc33cc;">7.1 พัฒนาศักยภาพทีมงาน</span> ด้วยการสร้างแรงจูงใจทางบวก สมาชิกมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน มีการจัดกิจกรรมสร้างพลังทีมงาน เกิดความมุ่งมั่นที่จะทำงานให้ประสบผลสำเร็จ<br /><span style="color:#cc33cc;">7.2 การให้รางวัล</span> ปัจจุบันการพิจารณาผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานไม่เอื้อต่อการทำงานเป็นทีม ส่วนใหญ่จะพิจารณาผลการทำงานเป็นรายบุคคล ดังนั้นระบบรางวัลที่เอื้อต่อการทำงานเป็นทีม คือ การที่ทุกคนได้รางวัลอย่างยุติธรรมทุกคน คือ ควรสนับสนุนการให้รางวัลแก่การทำงานเป็นทีมในลักษณะที่ว่างอยู่บนพื้นฐานการให้รางวัลกับกลุ่ม (Group base reward system)</div></div></div>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5848554018447807928.post-62993855120278400492010-01-15T15:13:00.000+07:002010-01-25T09:54:22.761+07:00ใบงานที่ 3 เรื่อง มนุษยสัมพันธ์ในองค์กร<span style="color:#cc33cc;">ความหมายของมนุษยสัมพันธ์</span><br />คือ ความนำเอาทั้งศษสตร์ และศิลป์มาใช้ในการสร้างสัมพันธ์อันดีต่อบุคคล เพื่อให้ได้มาซึ่งความรักใคร่ นับถือ <a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiriLiGAcOm1LRBsro_8aBwhdCIdwBGbHHM7rXkd30MIf4ZX3g-QtufKdy3U9m1nL1tm-MjbyVNcpyZOUDFVcrs_h5_ve-535qBm_nGgGGdI8gCJkHIViQ9AjjjaNNsVb1Sz2coHqUf4PVW/s1600-h/ict6.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5429415330211040770" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 248px; CURSOR: hand; HEIGHT: 182px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiriLiGAcOm1LRBsro_8aBwhdCIdwBGbHHM7rXkd30MIf4ZX3g-QtufKdy3U9m1nL1tm-MjbyVNcpyZOUDFVcrs_h5_ve-535qBm_nGgGGdI8gCJkHIViQ9AjjjaNNsVb1Sz2coHqUf4PVW/s400/ict6.jpg" border="0" /></a>ความร่วมมือ<br /><span style="color:#cc33cc;">ความหมายขององค์กร</span><br /><span style="color:#33ff33;">ในทางเศรษฐศาสตร์ องค์กรหรือ องค์การหมายถึง</span> บุคคลกลุ่มหนึ่งที่มารวมตัวกัน โดยมีวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างร่วมกันและดำเนินกิจกรรมอย่างมีขั้นตอนเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์<br /><span style="color:#cc66cc;">องค์ประกอบที่สำคัญขององค์กร</span><br />1. วัตถุประสงค์<br />2.โครงสร้าง<br />3. กระบวนการปฏิบัติหมายถึงแบบอย่างวิธีปฏิบัติที่เป็นแบบแผนมั่นคงแน่นอน เพื่อให้ทุกคนยึดเป็นแนวปฏิบัติ<br />4. บุคคล<br /><span style="color:#cc33cc;">ประเภทขององค์กร</span><br /><span style="color:#00cccc;">1.ประเภทแสวงหาผลกำไร</span> คือองค์กรที่ดำเนินกิจกรรมเพื่อการแข่งขันทางเศรษฐกิจ เช่น บริษัท ห้างหุ้นส่วน ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าต่างๆ<br /><span style="color:#00cccc;">2.ประเภทไม่แสวงหาผลกำไร</span> คือองค์กรที่ดำเนินกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์เป็นหลัก เช่น สมาคม สถาบันมูลนิธิ<br /><span style="color:#cc33cc;">แนวคิดของการสร้างมนุษยสัมพันธ์<br /></span>1. มีความรู้ ความสามารถในการปฏิบัติงาน<br />2. มีแรงจูงใจในอนาคต<br />3. มีความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาตนเอง<br />4. มีความเข้าใจธรรมชาติความต้องการของผู้อื่น<br />5. มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ร่วมงาน<br />6. สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดี<br /><span style="color:#cc33cc;">หลักการสร้างมนุษยสัมพันธ์</span><br />ยึดหลักของ <span style="color:#ff0000;">มาสโลว์</span> ในด้านวัตถุ จิตใจ คือสื่งจำเป็นพื้นฐานในการครองชีพ ความมั่นคงปลอดภัย การยกย่องนับถือ การยอมรับจากสังคม<br /><span style="color:#cc33cc;">ประโยชน์ของมนุษยสัมพันธ์</span><br />- เกิดความราบรื่นในการติดต่อระหว่างบุคคลหน่วยงาน<br />- เกิดความยินดี พอใจ และความร่วมมือในการทำงาน<br />- เกิดความเชื่อถือ รักใคร่ นับถือศรัทธาระหว่างกัน<br />- เกิดความเข้าใจกันดีระหว่างกัน<br />- เกิดความสำเร็จในกิจกรรมที่มีวัตถุประสงค์ร่วมกัน<br /><span style="color:#cc33cc;">วิธีฝึกทักษะการสร้างมนุษยสัมพันธ์</span><br /><span style="color:#ffffff;">1. การรู้จักควบคุมตนเอง 2. มีใจเปิดกว้าง ยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น<br />3. รู้จักถ่อมตน 4. พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับผู้อื่น 5.รู้จักถนอมน้ำใจคนอื่น<br /></span><span style="color:#cc33cc;">แนวทางการเสริมสร้างมนุษยสัมพันธ์กับผู้ร่วมงาน</span><br /><span style="color:#ff0000;">1.หลักการสร้างสัมพันธ์ระหว่างบุคคล</span><br />* สร้างความรู้สึกที่ดีต่อผู้อื่น<br />* ใช้การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ<br />* แสดงความมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่<br />* ให้เกียรติผู้อื่นอย่างจริงใจ<br />* แสดงความชื่นชมให้กำลังใจซึ่งกันและกัน<br /><span style="color:#ff0000;">2.วิธีเสริมสร้างมนุษยสัมพันธ์</span><br /><span style="color:#cc33cc;">* ระหว่างผู้ใต้บังคับบัญชา</span><br />- รู้จักควบคุมอารมย์ของตนเอง<br />- รู้จักส่งเสริมและให้กำลังใจในการทำงาน<br />- รู้จักใช้ศิลปะในการวิพากษ์วิจารณ์<br />- รู้จักมีศิลปะในการรับฟังความคิดเห็น<br />- รู้จักดูแลและรักษาผลประโยชน์ของเขา<br /><span style="color:#cc33cc;">* ระหว่างผู้บังคับบัญชา</span><br />- ศึกษาลักษณะนิสัยในการทำงานของผู้บังคับบัญชา<br />- ทำงานให้เต็มความสามารถ<br />- พยามอย่าก่อเรื่องกวนใจ<br />- ไม่ปฏิเสธโดยขาดเหตุผลที่เหมาะสม<br />- ไม่แสดงอารมณ์โกรธเมื่อผู้บังคับบัญชาไม่เห็นด้วย<br /><span style="color:#cc33cc;">* ระหว่างเพื่อนร่วมงาน</span><br />- ควรเข้าหาเพื่อนก่อน<br />- มีความจริงใจต่อกัน<br />- อย่าซัดทอดความผิดเพื่อนร่วมงาน<br />- ไม่นินทาว่าร้ายเพื่อน<br />- ให้การชมเชยยกย่องตามสมควรแก่โอกาส<br />- ไม่ข่มเพื่อน<br />- ดีเสมอต้นเสมอปลาย<br /><span style="color:#cc33cc;">* ระหว่างบุคคลภายนอก</span><br />- แสดงความสุภาพเป็นมิตร<br />- จดจำข้อมูลและรายละเอียด<br />- ไม่แสดงท่าทางตำหนิ<br />- แสดงความจริงใจเสมอ<br /><span style="color:#ff0000;">การสร้างมนุษยสัมพันธ์ ตามแนวพระพุทธศาสนา</span><br /><span style="color:#ff0000;">การใช้สังคหวัตถุธรรม</span><br />1.<span style="color:#cc33cc;">ปิยวาจา</span> เจรจาด้วยถ้อยคำที่ไพเราะรื่นหู<br />2<span style="color:#cc33cc;">.อัตถจริยา</span> ร่วมปฏิบัติงานเกื้อกูลต่อกัน<br />3<span style="color:#cc33cc;">.สมานัตตา</span> ประพฤติตนวางตัวเสมอต้นเสมอปลาย เหมาะสมกับกาลเทศะ<br /><span style="color:#00cccc;">คำถาม-คำตอบ</span><br /><span style="color:#33ff33;">ท่านจะนำประเด็นต่อไปนี้ไปใช้ในการเป็นครูที่ดีได้อย่างไร พร้อมยกตัวอย่างประกอบ</span><br /><span style="color:#ffff00;">(1.)การอยู่ร่วมกันในหอพักนักศึกษา</span><br /><span style="color:#ff0000;">ตอบ</span><br /><span style="color:#ffff00;">(2.)การทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม</span><br /><span style="color:#ff0000;">ตอบ</span><br /><span style="color:#ffff00;">(3.)หากเราทะเลาะกันจะนำหลักการมนุษยสัมพันธ์ไปใช้ได้อย่างไร</span><br /><span style="color:#ff0000;">ตอบ</span><br /><span style="color:#ffff00;">(4.)แนวคิดเชิงบวกเป็นอย่างไร </span><br /><span style="color:#ff0000;">ตอบ</span><br /><span style="color:#ffcc00;"></span><br /><span style="color:#ffff00;"></span>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5848554018447807928.post-67343065752804211022010-01-13T21:54:00.001+07:002010-01-22T12:10:14.470+07:00ใบงานที่ 2 เรื่องภาวะผู้นำในการบริหารการศึกษา<span style="font-family:times new roman;color:#ff6600;"><strong>ภาวะผู้นำในการบริหารการศึกษา</strong></span><br /><span style="font-family:times new roman;"><span style="color:#33cc00;">ผู้บริหาร</span>ในฐานะเป็นผู้นำขององค์การจะต้องมีภาระหน้าที่ที่จะต้องสร้างความร่วมมือร่วมใจกันเป็นอย่างดีในการทำงานร่วมกันเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ร่วมกันการบริหารการศึกษาก็เช่นเดียวกันกับการบริหารกิจการอื่นๆ ผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องสร้างค<img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5429417294734308370" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 293px; CURSOR: hand; HEIGHT: 257px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgjwJTi-HrKU5zPnljfLaaE9VJySIaT-fBqgtLlA2Ym2vNXYPlJJcUDE4N_cHdVZNHk8XgIweruBnkd2Y_gsMh6eAvCczkLS0q5GC-QA4YTn-CG4tmOXIEcTZTXl2SIGHNUs87r65rODhbt/s400/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD.jpg" border="0" />วามร่วมมือร่วมใจในการปฏิบัติงานเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ร่วมกันคือให้ผู้เรียนเป็นคนดี คนเก่ง และมีความสุข ผู้บริหารในฐานะเป็นผู้นำในสถานศึกษา จะต้องสร้างความร่วมมือในการทำงานให้เกิดขึ้นให้ได้</span><br /><span style="font-family:times new roman;"><strong><span style="color:#006600;"><span style="color:#ff6600;">ผู้นำคือใคร</span> </span></strong></span><br /><span style="font-family:times new roman;"><span style="color:#ff0000;">ผู้นำ</span> หมายถึง ผู้ที่สามารถชักจูงหรือโน้มน้าวหรือใช้อิทธิพลให้ผู้อื่นหรือผู้ใต้บังคับบัญชาปฏิบัติงานให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ขององค์การ ทั้งนี้โดยต้องอาศัยทักษะสำคัญต่างๆ เช่น การจูงใจ การติดต่อสื่อสาร ความสัมพันธ์กับผู้อื่น และการตัดสินใจ</span><br /><span style="color:#ff6600;"><span style="font-family:times new roman;color:#ff6600;"><strong>ภาวะผู้นำหมายถึงอะไร</strong></span><br /></span><span style="font-family:times new roman;"><span style="color:#ff0000;">ภาวะผู้นำ</span>เป็นคำที่มีผู้ให้นิยามมากมาย แต่ที่คนส่วนใหญ่เข้าใจตรงกันก็คือ เป็นกระบวนการอิทธิพลทางสังคมที่บุคคลหนึ่งตั้งใจใช้อิทธิพลต่อผู้อื่น เพื่อให้ปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ตามที่กำหนด รวมทั้งการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในองค์การ</span> <span style="font-family:times new roman;">บทบาทของภาวะผู้นำภาวะผู้นำมีบทบาทที่แบ่งอย่างกว้างๆ ออกเป็น 4 ประการ </span><br /><span style="font-family:times new roman;">ได้แก่ 1.<span style="color:#ff0000;">การกำหนดแนวทางหลัก</span> (Pathfinding) </span><span style="font-family:times new roman;">2.<span style="color:#ff0000;">การสร้างระบบการทำงานที่มีประสิทธิผล</span> (Aligning) </span><br /><span style="font-family:times new roman;">3.<span style="color:#ff0000;">การมอบอำนาจ</span> (</span><a title="Empowering" href="http://th.wikipedia.org/w/index.php?title=Empowering&action=edit"><span style="font-family:times new roman;">Empowering</span></a><span style="font-family:times new roman;">) </span><span style="font-family:times new roman;">4.<span style="color:#ff0000;">การสร้างตัวแบบ</span> (Modeling) <span style="color:#cc33cc;">หัวใจของการเป็นผู้นำคือต้องสร้างความน่าเชื่อถือ เพราะไม่เพียงแต่รู้ว่าจะต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างไรเท่านั้น แต่ผู้นำยังต้องมีคุณสมบัติของผู้นำที่ดีด้วย</span> </span><br /><span style="font-family:times new roman;color:#006600;"><strong>การพัฒนาภาวะผู้นำ</strong></span><br /><span style="font-family:times new roman;"><span style="color:#33ff33;">1. Learn on the job คือ</span> <span style="color:#cc33cc;">เรียนจากงานที่ทำ</span> </span><span style="font-family:times new roman;"><span style="color:#33ff33;">2.</span><span style="color:#33ff33;">Learn from people</span><span style="color:#33ff33;"> คือ</span> <span style="color:#cc33cc;">เรียนจากผู้อื่น</span> </span><br /><span style="font-family:times new roman;"><span style="color:#33ff33;">3. Learn from bosses คือ</span> <span style="color:#cc33cc;">เรียนจากนาย</span> </span><span style="font-family:times new roman;"><span style="color:#33ff33;">4. Training and workshop คือ</span> <span style="color:#cc33cc;">การฝึกอบรมและปฏิบัติการ</span> </span><br /><span style="font-family:times new roman;color:#006600;"><strong>ทฤษฎีภาวะผู้นำ</strong></span><br /><span style="font-family:times new roman;"><span style="color:#cc33cc;">สามารถจัดกลุ่มแนวคิดและทฤษฎีต่างๆ เป็น 3 กลุ่ม คือ<br />1แนวคิดผู้นำเชิงคุณลักษณะ (Trait 2.แนวคิดผู้นำเชิงพฤติกรรม (Behavioral Approach) 3 .แนวคิดผู้นำเชิงสถานการณ์ (Situational Approach</span>) </span><br /><span style="font-family:times new roman;"><strong><span style="color:#333399;">คุณลักษณะของผู้นำที่ดี</span></strong> </span><br /><span style="font-family:times new roman;"><strong><span style="color:#ff6666;">ผู้นำที่ดีมีลักษณะดังต่อไปนี้<br /></span></strong>1. <span style="color:#cc6600;">เป็นกันเอง เป็นคนใจกว้าง</span> <span style="color:#6600cc;">ไม่ถือตัว กล้าได้กล้าเสีย</span><br />2. <span style="color:#cc6600;">มีความยุติธรรม เป็นคนตรงไปตรงมา</span> <span style="color:#6600cc;">เสมอต้นเสมอปลาย มีความเป็นอยู่อย่างง่าย ๆ แต่มีระเบียบวินัย</span><br />3. <span style="color:#cc6600;">ชี้แนะนำชี้แจง</span> <span style="color:#6600cc;">สอนผู้ใต้บังคับบัญชาให้ทำงานให้ดีอยู่เสมอ จ้ำจี้จ้ำไช แต่ไม่จุกจิกจู้จี้ ติเพื่อก่อ สรุปแล้วก็คือ เป็นผู้สอนเก่ง ถ่ายทอดวิธีทำงานเก่งนั่งเอง<br /></span>4. <span style="color:#cc6600;">ไม่แล้งน้ำใจ</span> เป็นคนเห็นอกเห็นใจผู้ใต้บังคับบัญชา ดูแลทุกข์สุขของผู้ใต้บังคับบัญชา<br />5. <span style="color:#cc6600;">เห็นคุณค่าของคน</span> เป็นคนมอบโลกในแง่ดี ในแง่สวยสดงดงาม ควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ดี<br />6. <span style="color:#cc6600;">มีเหตุผลจูงใจ พูดเก่ง มีวาทศิลป์ดี</span> ไม่ถืออำนาจบาดใหญ่ ไม่สั่งการใด ๆ โดยพลการ มักจะประชุมปรึกษาหารือผู้ใต้บังคับบัญชาเสมอ<br />7. <span style="color:#cc6600;">เป็นมีความรับผิดชอบสูง</span> เวลามีปัญหาเกิดขึ้นจะมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา ไม่เป็นคนสร้างปัญญา ปกป้องผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่เอาตัวรอดแต่เพียงผู้เดียว<br />8.<span style="color:#cc6600;">มีความสามารถในการทำงานเป็นทีมสูง</span> มีศิลปะในการจูงใจให้คนทำงานสูง </span><br /><span style="font-family:times new roman;">ผู้นำที่ไม่ดี </span><br /><span style="font-family:times new roman;"><span style="color:#000099;"><strong>ผู้นำที่ไม่ดี มีลักษะดังนี้</strong><br /></span>1. <span style="color:#ff0000;">เป็นคนศักดินา</span> หมายถึง เป็นคนเจ้าระเบียบ เจ้ายศ เจ้าอย่าง มีพิธีรีตองมากจนน่าเบื่อ น่ารำคาญ จะไปไหนมาไนมีลูกน้องห้อมล้อม ล้อมหน้าล้อมหลัง เป็นการเสริมสร้างบารมีของตนเอง<br />2. <span style="color:#ff0000;">เป็นไดในเสาเต่าล้านปี</span> หมายถึง เป็นผู้มีความคิดล้าสมัย ดูแล้วน่าเวทนา สงสารมากกว่าน่าหนักใจ<br />3. <span style="color:#ff0000;">เป็นคนไม่มีเหตุผล</span> คือ ถือความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ว่าถูกต้องเมาะสม ไม่ฟังความคิดเห็นของคนอื่น เข้าทำนองว่า นโยบายย่อมอยู่เหนือเหตุผล<br />4. <span style="color:#ff0000;">เป็นคนจู้จี้จุกจิก</span> คือ เป็นคนชอบบ่น ชอบด่า ทั้งต่อหน้าและลับหลังอย่างไร้เหตุผล อะไรผิดอะไรถูก ขอให้ได้บ่นไว้ก่อนเป็นดี<br />5. <span style="color:#ff0000;">เป็นคนไม่แน่นอน</span> คือ โลเล เปลี่ยนใจง่าย วันนี้เอาอย่างหนึ่ง พรุ่งนี้เป็นอีกอย่างหนึ่ง เป็นไม้หลักปักเลน </span><br /><span style="font-family:times new roman;">6. <span style="color:#ff0000;">เป็นคนมองโลกในแง่ร้าย</span> คือ ไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น ไม่เชื่อฝีมือใคร หวงงานหวงอำนาจ ทำงานคนเดียว เข้าทำนองว่าข้ามาคนเดียว<br />7. <span style="color:#ff0000;">เป็นคนผูกใจ</span><span style="color:#ff0000;">พยาบาท</span> คือ ไม่ยอมแพ้ใคร ถ้าผู้ใต้บังคับบัญชาโต้แย้งหรือทำอะไรให้ไม่พอใจ จะหาทางแกล้ง ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม<br />8. <span style="color:#ff0000;">เป็นคนเอาแต่สิ่งของดี ๆ</span> คือ ชอบของกำนัล ขอบรับสินบาดคาดสินบน ใครให้เข้าให้ของจะบริการและดูแลเอาใจใส่ช่วยเหลือเป็นพิเศษ<br />9. <span style="color:#ff0000;">ไม่มีใครเก่งเกิน</span> คือเป็นผู้นำหรือผู้บังคับบัญชาที่หลงตัวเอง คือว่าตัวเองเก่งกว่าคนอื่น วิเศษกว่าคนอื่น ถ้าผู้นำคนใดมีลักษณะทั้ง 9 ประการที่กล่าวมานี้ อนาคตของท่านจะมืดมน ลูกต้องของท่านที่ล้อมหน้าล้อมหลัง ในขณะนี้เชื่อถือไม่ได้แม้แต่คนเดียว </span><br /><span style="font-family:Times New Roman;"><strong><span style="color:#009900;"></span></strong></span><br /><strong><span style="font-family:Times New Roman;color:#3333ff;">คำถาม-คำตอบ</span></strong><br /><span style="color:#009900;">เรื่อง </span><span style="color:#ff9966;">ภาวะผู้นำในการบริหารการศึกษา</span><br /><span style="color:#ffcc00;">1) นักศึกษาให้ความหมาย ผู้นำ ผู้บริหาร เหมือนหรือต่างกันอย่างไร<br /></span><span style="color:#ff0000;">ตอบ </span><span style="color:#009900;">แตกต่างกันคือ</span><span style="color:#000000;"> </span><span style="color:#cc33cc;">ผู้นำได้มาจากการยอมรับ หรือการคัดเลือกจากสมาชิกในองค์กร แต่ผู้บริหารได้โดยการแต่งตั้ง และอยู่ภายใต้กฎหมาย</span><br /><span style="color:#ffcc00;">2)นักศึกษาสรุปบทบาทและภาระหน้าที่ของผู้นำ<br /></span><span style="color:#ff0000;">ตอบ 2.</span>1. <span style="color:#33cc00;">การชี้ขาด</span> <span style="color:#cc33cc;">เมื่อมีปัญหาหรือความขัดแย้งเกิดขึ้น จะต้องเป็นผู้ชี้ขาด<br />2.2.<span style="color:#009900;"> การเสนอแนะ</span> หาโอกาสเสนอแนะผู้ใต้บังคับบัญชา โดยหลีกเลี่ยงการใช้คำสั่ง เพื่อรักษาการมีส่วนร่วมเอาไว้<br /></span><span style="font-family:times new roman;">2.3</span>. <span style="color:#33cc00;">การให้เป้าหมาย</span> <span style="color:#cc33cc;">เป้าหมายขององค์การไม่ได้เป็นไปอย่างอัตโนมัติ แต่จะถูกกำหนดโดยที่ผู้นำกับเพื่อนสมาชิกทุกนในองค์การนั้น<br /></span><span style="font-family:times new roman;">2.4.</span> <span style="color:#33cc00;">การกระตุ้น</span> <span style="color:#cc33cc;">ผู้นำจะต้องเป็นผู้กระตุ้นให้บุคลากรทุกคนในองค์การปฏิบัติงานอย่างเต็มความสามารถ และขณะเดียวกันก็สร้างขวัญและกำลังใจในกรปฏิบัติงานด้วย</span><br /><span style="font-family:times new roman;">2.5.</span> <span style="color:#33cc00;">การให้ความมั่นคง</span><span style="color:#cc33cc;">ด้านการรักษาเจตคติในทางที่ดี และมองโลกในแง่ดีไว้เมื่อเผชิญกับปัญหา<br /><span style="font-family:times new roman;">2.6</span>. การเป็นตัวแทน ผู้นำจะเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มในองค์การ การประพฤติปฏิบัติตัวจะต้องระมัดระวัง เพราะจะมีผลกระทบไปถึงกลุ่มบุคคลในองค์การนั้น<br /></span><span style="font-family:times new roman;">2.7</span><span style="font-family:times new roman;">.</span> <span style="color:#33cc00;">การดลใจ</span> <span style="color:#cc33cc;">ผู้นำจะต้องให้ทุกคนภายในองค์การเห็นคุณค่าและความสำคัญของงาน และให้บริสุทธิ์ใจ<br /></span><span style="color:#ffcc00;">3)นักศึกษาจะมีวิธีการพัฒาภาวะผู้นำของนักศึกษาได้อย่างไร<br /></span><span style="color:#ff0000;">ตอบ <span style="font-family:times new roman;"><span style="color:#33ffff;">3.1. Learn on the job คือ</span> เรียนจากงานที่ทำ </span></span><br /><span style="font-family:times new roman;"><span style="color:#33ffff;">3.2. Learn from people คือ</span> <span style="color:#ff0000;">เรียนจากผู้อื่น</span> </span><br /><span style="color:#ff0000;"><span style="font-family:times new roman;"><span style="color:#33ffff;">3.3. Training and workshop คือ</span> การฝึกอบรมและปฏิบัติการ</span> </span><br /><span style="color:#ffcc33;">4) นักศึกษากล่าวถึงภาวะผู้นำสมัยใหม่จะต้องมีวิธีคิดอย่างไร<br /></span><span style="color:#ff0000;">ตอบ <span style="color:#cc33cc;">คิดแบบแลกเปลี่ยนและแบบเปลี่ยนแปลง</span> ผู้นำแบบแลกเปลี่ยน</span><span style="color:#000000;"> </span><span style="color:#cc33cc;">คือ ผู้นำแบบเดิมที่ใช้การแลกเปลี่ยนโดยรางวัลต่างๆ เป็นเครื่องมือในการชักจูงให้ผู้บังคับบัญชาปฏิบัติงานให้ได้ตามเป้าหมายที่ต้องการ ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็ได้รับผลประโยชน์ที่แลกเปลี่ยนกัน ส่วนผู้นำแบบเปลี่ยนแปลงนั้น จะใช้ความสามารถเปลี่ยนความเชื่อ ทัศนคติของสมาชิก เพื่อให้สมาชิกทำงานได้บรรลุเหนือกว่าเป้าหมายที่ต้องการ โดยผู้นำจะถ่ายทอดความคิด ประสบการณ์ และกระตุ้นทางด้านความคิดต่างๆให้แก่สมาชิกอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ<br /></span><span style="color:#000000;"><span style="color:#ffcc00;"><span style="font-family:times new roman;">5)</span>นักศึกษาคิดว่า ประสิทธิภาพของภาวะผู้นำที่ดีควรทำอย่างไร</span><br /></span><span style="color:#009900;"><span style="color:#000000;"><span style="color:#ff0000;">ตอบ </span><span style="color:#009900;">ผู้นำที่ดีมีลักษณะดังต่อไปนี้ </span></span></span><br /><span style="color:#009900;"><span style="color:#000000;"><span style="color:#000000;"><span style="color:#33ffff;">1.</span><span style="color:#00cccc;">มีความยุติธรรม</span> <span style="color:#ffffff;">เป็นคนตรงไปตรงมา เสมอต้นเสมอปลาย<br /></span><span style="color:#000000;"><span style="color:#33ffff;">2.เป็น</span><span style="color:#00cccc;">กันเอง</span> </span><span style="color:#ffffff;">เป็นคนใจกว้าง ไม่ถือตัว กล้าได้กล้าเสีย<br /></span><span style="color:#33ffff;">3.</span> <span style="color:#00cccc;">ชี้แนะนำชี้แจง</span> <span style="color:#ffffff;">สอนผู้ใต้บังคับบัญชาให้ทำงานให้ดีอยู่เสมอ จ้ำจี้จ้ำไช แต่ไม่จุกจิกจู้จี้ ติเพื่อก่อ สรุปแล้วก็คือ เป็นผู้สอนเก่ง ถ่ายทอดวิธีทำงานเก่งนั่งเอง<br /></span><span style="color:#33ffff;">4.ไม่</span><span style="color:#00cccc;">แล้งน้ำใจ</span> <span style="color:#ffffff;">เป็นคนเห็นอกเห็นใจผู้ใต้บังคับบัญชา ดูแลทุกข์สุขของผู้ใต้บังคับบัญชา<br /></span><span style="color:#33ffff;">5.</span><span style="color:#00cccc;">เห็นคุณค่าของคน</span> <span style="color:#6600cc;"><span style="color:#ffffff;">เป็นคนมอบโลกในแง่ดี ในแง่สวยสดงดงาม ควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ดี<br /></span><span style="color:#33ccff;">6.มี</span><span style="color:#00cccc;">เหตุผลจูงใจ</span> </span><span style="color:#ffffff;">พูดเก่ง มีวาทศิลป์ดี ไม่ถืออำนาจบาดใหญ่ ไม่สั่งการใด ๆ โดยพลการ มักจะประชุมปรึกษาหารือผู้ใต้บังคับบัญชาเสมอ<br /></span><span style="color:#33ffff;">7.</span><span style="color:#00cccc;">ไม่พยาบาทโกรธง่าย</span> <span style="color:#ffffff;">เป็นคนมองโลกในแง่ดี รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา เข้าใจคนอื่นยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เสมอ<br /></span><span style="color:#66ffff;">8.</span><span style="color:#00cccc;">ไม่โทษผู้ใต้บังคับบัญชา</span> <span style="color:#6600cc;"><span style="color:#ffffff;">เป็นมีความรับผิดชอบสูง เวลามีปัญหาเกิดขึ้นจะมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา ไม่เป็นคนสร้างปัญญา ปกป้องผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่เอาตัว</span></span><span style="color:#ffffff;">รอดแต่เพียงผู้เดียว<br /></span><span style="color:#33ffff;">9.มี</span><span style="color:#00cccc;">ความสามารถในการทำงานเป็นทีมสูง</span> </span><span style="color:#ffffff;">มีศิลปะในการจูงใจให้คนทำงานสูง มีระเบียบวินัยที่กล่าวมาทั้ง 9 ประการนี้ ผู้ที่ต้องการเป็นผู้นำที่ดีหรือหัวหน้าที่ดี ผู้บังคับบัญชาที่ดีหรือแม้แต่ผู้บริหารที่ดีจะต้องประพฤติปฏิบัติ<br /><span style="font-family:times new roman;"></span><br /><br /></span><br /></span></span><span style="color:#009900;"><span style="color:#000000;"></span></span><span style="color:#009900;"><span style="color:#000000;"></span></span><span style="font-family:times new roman;"></span>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5848554018447807928.post-5800453976537019952010-01-10T14:03:00.001+07:002010-01-22T15:53:25.829+07:00เรื่องของฉัน<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhoL315zPRk3gahwz3PJbQVOmafVMmMQ2QFUGK9lLwH4zro_yVU41eBhM2MCmBz-3Fhjmj_KTab0F1T_ci1cfmr14c2HzJtn0SGOC84TGkpCfgsHTAvdo1TAOu0uJ5WBIWuUtYRHe4AlAMf/s1600-h/00373.jpg"></a> <a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjC7GCredSTbtGJrTyO76VtN1P-KEq_TtaGFIpcsSU6dY3N4n9qThum2Rg7aIxg7bLJENDiju7xKKmytfeE2IvjttWfp6SbExLqOeSbn7jT9kCtgNrKTkGgaoewj_H7xjEMwPU7LP2uYgqG/s1600-h/บ.jpg2.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5429480621971861794" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 663px; CURSOR: hand; HEIGHT: 439px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjC7GCredSTbtGJrTyO76VtN1P-KEq_TtaGFIpcsSU6dY3N4n9qThum2Rg7aIxg7bLJENDiju7xKKmytfeE2IvjttWfp6SbExLqOeSbn7jT9kCtgNrKTkGgaoewj_H7xjEMwPU7LP2uYgqG/s400/%E0%B8%9A.jpg2.jpg" border="0" /></a><br /><div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjYwbGsB99jaAH1caKq1Pq9TBs7XKT1UbGsUE1Jgw1x7kJVI5RKUbWZuCFrBoWR3M1Vv_yyWh2AMexiyYLRC7v1TJfURmM8_uB5J98IS5E4l3-H75Ek1X55ZYpyD0ULzi-OYBjss6LT4j1J/s1600-h/inbox-5484-7[1].gif"></a><br /><br /><div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEipa6uEzfsi7kqKZtOlXgu55NB3k60xVOsM76tqlVANQf3LrohMT6Arm3XbBjW-sOl0qdey8mQBVdNvHgLR3pVRiTzI93VepcAJ6yazUdz5s3BVbwie7mBl-1QChplZu8IPzwVHC4U5vZqz/s1600-h/animation-cartoon-006.gif"></a><br /><br /><br /><div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgjxwmrJW8wm4aCKxLZIFHhSQpTuP7IEiFNpJ-YNNN9PAHoZWZ5Gah6RS-AVsaZmRnqQ-Bwzl1MSiruySPp3nvYXGo5Kj0g6JZgVJNAqBS0bBtxsgqFiQACe91xPP-piFMKSGBL5KzejFyn/s1600-h/17[1].gif"></a><br /><br /><br /><br /><div><br /><br /><br /><br /><br /><div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjoSNf23ih45_QAAjXSdwl9NHjH-v63kSXZ891YTVrhT3lxxX1qgfYPZzuK-EcKzNLDyxe6KVyA722DB9aB93aVHb6ETQc8kuSLpJqonu35hq0mZE9L5Eq7EbbTqLiII31YO1wi_j1H2lrZ/s1600-h/รูป.jpg"></a></div></div></div></div></div>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5848554018447807928.post-4264269329943674882010-01-08T13:25:00.001+07:002010-01-22T12:07:04.733+07:00ใบงานที่1 เรื่องทฤษฎีและหลักการบริหารการศึกษา<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj1cg38osRDxoCb-BB_NkybjlunVYPmNjuhIdDXjsuhDVSma1asCoAE4Rx1_lHSuek3nf7VqjsO4hFRiiPQ_A4W0xKaqk4RhYWIa4QrwC5QZyPj9Xx9OjtvcRMSIsS3y93Y3Ii6NA4fKvXZ/s1600-h/51595.gif"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5429424486701716578" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 222px; CURSOR: hand; HEIGHT: 226px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj1cg38osRDxoCb-BB_NkybjlunVYPmNjuhIdDXjsuhDVSma1asCoAE4Rx1_lHSuek3nf7VqjsO4hFRiiPQ_A4W0xKaqk4RhYWIa4QrwC5QZyPj9Xx9OjtvcRMSIsS3y93Y3Ii6NA4fKvXZ/s400/51595.gif" border="0" /></a><br /><div><span style="color:#33ccff;">การบริหาร</span> <div><div><div><span style="font-family:times new roman;"><span style="color:#cc33cc;">การบริหาร</span> หมายถึง กระบวนหมายถึง กระบวนการทำงานร่วมกับผู้อื่นตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อให้บรรลุเป้าหมายร่วมกัน<br /><span style="color:#33cc00;">การบริหารการศึกษา<br /></span>หมายถึง กิจกรรมต่างๆที่บุคคลหลายคนร่วมกันดำเนินการ เพื่อพัฒนาสมาชิกของสังคมในทุกๆ ด้าน<br />คำาว่า <span style="color:#ff0000;">สถานศึกษา</span> หมายความว่า <span style="color:#cc33cc;">สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย โรงเรียน ศูนย์การศึกษาพิเศษ ศูนย์การศึกษานอกระบบ สถาบันศึกษา เป็นต้น ซึ่งอยู่ภายใต้</span>กฏหมาย การศึกษาแห่งชาติตามประกาศกระทรวง(พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา</span></div><div><span style="font-family:times new roman;"><span style="color:#33cc00;">ทฤษฎี<br /></span><span style="color:#6600cc;"><span style="color:#000000;">หมายถึง แนวความคิดหรือความเชื่อที่เกิดขึ้นอย่างมีหลักเกณฑ์</span></span><br /><span style="color:#33cc00;">การบริหารเป็นศาสตร์ และ ศิลปะ<br /></span><span style="color:#6600cc;"></span><span style="color:#000000;"><span style="color:#cc33cc;">ศาสตร์</span> คือ ความเป็นระบบ มีระเบียบแบบแผน มีหลักการ มีการศึกษาค้นคว้าทดลองและพิสูจน์ได้ ฯลฯ</span><br /><span style="color:#cc33cc;">ศิลปะ</span> คือ การนำศาสตร์มาประยุกต์ใช้หรือปฏิบัติเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด<br /><span style="color:#33cc00;">ทฤษฎีทางการบริหารและวิวัฒนาการการบริหารการศึกษา<br /></span><span style="color:#6600cc;"><span style="color:#000000;"><span style="color:#ff6600;">ระยะที่1</span> <span style="color:#cc33cc;">ยุคนักทฤษฎีการบริหารสมัยดั้งเดิม</span> เป็นแนวคิดเชิงวิทยาศาสตร์ของเทย์เลอร์</span></span><br /><span style="color:#ff6600;">ระยะที2</span> <span style="color:#cc33cc;">ยุคทฤษฎีมนุษยสัมพันธ์ </span>ได้นำแนวคิดทางจิตวิทยามาใช้ เสนอแก้ปัญหาความขัดแย้ง<br /><span style="color:#ff6600;">ระยะที่3</span> <span style="color:#cc33cc;">ยุคการใช้ทฤษฎีการบริหาร</span> หรือการศึกษาเชิงพฤติกรรมศาสตร์<br /><span style="color:#33cc00;">ลักบณะสำคัญของทฤษฎีการบริหารการศึกษา</span><br /><span style="color:#000000;">1. <span style="color:#cc66cc;">ทฤษฎีประกอบด้วยแนวคิด</span> คติฐาน และข้อยุติทั่วไปอย่างมีเหตุผล</span><br />2. <span style="color:#cc66cc;">ทฤษฎีมุ่งอธิบาย</span> และคาดการณ์กฎต่างๆของพฤติกรรม อย่างมีระบบ<br />3. <span style="color:#cc66cc;">มีความสัมพันธ์กันของวิธีการทดลอง</span> และชี้นำให้มีการพัฒนาหาความรู้เพิ่มเติมในเรื่องนั้นๆ<br /><span style="color:#33cc00;">ทฤษฎีภาวะผู้นำ<br /></span><span style="color:#000000;"><span style="color:#ff6600;">แยกออกเป็น</span> </span></span><span style="font-family:times new roman;"><span style="color:#ff0000;">1.ทฤษฎีผู้นำตามคุณลักษณะ</span> </span><span style="font-family:times new roman;"><span style="color:#ff0000;">2.ทฤษฎีผู้นำตามตัวแบบของวรูม และแจโก </span><span style="color:#ff0000;">3.ทฤษฎีประเภทต่างๆที่เกี่ยวข้อง</span> </span><span style="font-family:times new roman;">แบ่งออกเป็น 4 จำพวก<br />- ทฤษฎีภาวะผู้นำ<br />- ทฤษฎีมนุษยสัมพันธ์<br />- ทฤษฎีองค์การ<br />- ทฤษฎีการบริหาร </span></div><br /><div><div><div><div><div><div><div><div><div><div><div><div><div><div><div><div><div><div><div><span style="font-family:times new roman;color:#009900;">คำถาม-คำตอบ</span></div><div><span style="font-family:times new roman;color:#ffff00;">1)</span><span style="font-family:times new roman;"><span style="color:#ffff00;">นักศึกษาให้คำนิยาม การบริหาร การบริหารการศึกษา<br /></span><span style="color:#ff0000;">ตอบ </span><span style="color:#33ccff;">การบริหาร</span> หมายถึง กระบวนการทำงานร่วมกับผู้อื่นเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ (Sergiovanni)<br /><span style="color:#ffff00;">2)นักศึกษาอธิบายคำว่าศาสตร์และศิลป ยกตัวอย่างประกอบ</span><br /><span style="color:#ff0000;">ตอบ</span> <span style="color:#33ccff;">ศาสตร์</span> คือ สามารถศึกษาได้อย่างเป็นระบบ มีระเบียบแบบแผน มีกฎเกณฑ์ หลักการและทฤษฎีที่เชื่อถือได้<br /><span style="color:#33ccff;">ศิลปะ </span>คือ การนำมาใช้หรือประยุกต์ใช้หรือการนำมาปฏิบัติเพื่อให้เกิดประโยชน์<br /><span style="color:#ffff00;">3)นักศึกษากล่าวสรุปการวิวัฒนาการบริหารอย่างย่อ ๆพอสังเขป</span><br /><span style="color:#ff0000;">ตอบ</span> </span><a name="OLE_LINK4"></a><a name="OLE_LINK3"><span style="font-family:times new roman;">ทฤษฎีทางการบริหารและวิวัฒนาการการบริหารการศึกษา</span></a><span style="font-family:times new roman;"><br /><span style="color:#33ccff;">ระยะที่ 1</span> ระหว่าง ค.ศ. 1887 – 1945 ยุคนักทฤษฎีการบริหารสมัยดั้งเดิม (The Classical organization theory) </span><span style="font-family:times new roman;">แบ่งย่อยเป็น 3 กลุ่มดังนี้<br /><span style="color:#33ccff;">1.กลุ่มการจัดการเชิงวิทยาศาสตร์ของ</span><span style="color:#ff6666;">เทย์เลอร์ </span>ของ <span style="color:#ff9966;">เฟรดเดอริก เทย์เลอร์</span> (Frederick Taylor) ความมุ่งหมายสูงสุดของแนวคิดเชิงวิทยาศาสตร์คือ จัดการบริหารธุรกิจหรือโรงงานให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด Taylor มองคนงานแต่ละคนเปรียบเสมือนเครื่องจักรที่สามารถปรับปรุงเพื่อเพิ่มผลผลิตขององค์การได้ เจ้าของตำรับ “The one best way” คือประสิทธิภาพของการทำงานสูงสุดจะเกิดขึ้นได้ต้องขึ้นอยู่กับสิ่งสำคัญ 3 อย่างคือ<br />1.1 เลือกคนที่มีความสามารถสูงสุด (Selection)<br />1.2 ฝึกอบบรมคนงานให้ถูกวิธี (Training)<br />1.3 หาสิ่งจูงใจให้เกิดกำลังใจในการทำงาน (Motivation)<br />จากแนวคิดของ แมกซ์ เวเบอร์ (Max Weber) ที่กล่าวถึงหลักการบริหารราชการประกอบด้วย<br />3.1 หลักของฐานอำนาจจากกฎหมาย<br />3.2 การแบ่งหน้าที่และความรับผิดชอบ ที่ต้องยึดระเบียบกฎเกณฑ์<br />3.3 การแบ่งงานตามความชำนาญการเฉพาะทาง<br />3.4 การแบ่งงานไม่เกี่ยวกับผลประโยชน์ส่วนตัว<br />3.5 มีระบบความมั่นคงในอาชีพ<br /><span style="color:#33ccff;">ระยะที่ 2</span> ระหว่าง ค.ศ. 1945 – 1958 ยุคทฤษฎีมนุษยสัมพันธ์ (Human Relation ) Follette ได้นำเอาจิตวิทยามาใช้และได้เสนอการแก้ปัญหาความขัดแย้ง(Conflict) ไว้ 3 แนวทางดังนี้<br />1. <span style="color:#cc33cc;">Domination</span> คือ ใช้อำนาจอีกฝ่ายสยบลง คือให้อีกฝ่ายแพ้ให้ได้ ไม่ดีนัก<br />2. <span style="color:#cc33cc;">Compromise</span> คือ คนละครึ่งทาง เพื่อให้เหตุการณ์สงบโดยประนีประนอม<br />3. <span style="color:#cc33cc;">Integration</span> คือ การหาแนวทางที่ไม่มีใครเสียหน้า ได้ประโยชน์ทั้ง 2 ทาง นอกจากนี้ Follette ให้ทัศนะน่าฟังว่า “การเกิดความขัดแย้งในหน่วยงานเป็นความพกพร่องของการบริหาร”<br />การวิจัยหรือการทดลองฮอร์ทอร์น (Hawthon Experiment) ที่ เมโย(Mayo) กับคณะทำการวิจัยเริ่มที่ข้อสมมติฐานว่าสิ่งแวดล้อมมีผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของคนงาน มีการค้นพบจากการทดลองคือมีการสร้างกลุ่มแบบไม่เป็นทางการในองค์การ ทำให้เกิดแนวความคิดใหม่ที่ว่า ความสัมพันธ์ของมนุษย์ มีความสำคัญมาก ซึ่งผลการศึกษาทดลองของเมโยและคณะ พอสรุปได้ดังนี้<br />1.<span style="color:#cc33cc;"> คนเป็นสิ่งมีชีวิต</span> จิตใจ ขวัญ กำลังใจ และความพึงพอใจเป็นเรื่องสำคัญในการทำงาน<br />2. <span style="color:#cc33cc;">เงินไม่ใช่</span> สิ่งล่อใจที่สำคัญแต่เพียงอย่างเดียว รางวัลทางจิตใจมีผลต่อการจูงใจในการทำงานไม่น้อยกว่าเงิน<br />3. <span style="color:#cc33cc;">การทำงาน</span>ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมทางสังคมมากกว่าสภาพแวดล้อมทางกายภาพคับที่อยู่ได้คับใจอยู่อยาก</span></div><div><span style="font-family:times new roman;"><span style="color:#ffff00;">4.)นักศึกษาอธิบาย3ทฤษฎีมาสโลว์ ทฤษฎีภาวะผู้นำ ทฤษฎีX ทฤษฎีY<br /></span><span style="color:#ff0000;">ตอบ</span> <span style="color:#33ccff;">ทฤษฎีของมาสโลว์</span> ว่าด้วยการจัดอันดับขั้นของความต้องการของมนุษย์ (Maslow – Hierarchy of needs) เป็นเรื่องแรงจูงใจแบ่งความต้องการของมนุษย์ตั้งแต่ความต้องการด้านกายภาพ ความต้องการด้านความปลอดภัยความต้องการด้านสังคม ความต้องการด้านการเคารพ – นับถือ และประการสุดท้าย คือ การบรรลุศักยภาพของตนเอง (Self actualization) คือมีโอกาสได้พัฒนาตนเองถึงขั้นสูงสุดจากการทำงาน แต่ความต้องการเหล่านี้ ต้องได้รับการตอบสนองตามลำดับขั้น<br /><span style="color:#33ccff;">ทฤษฏีภาวะผู้นำ</span> แยกออกได้เป็นทฤษฏีผู้นำตามคุณลักษณะ ผู้นำต้องมีคุณลักษณะที่เหมาะสมแก่การเป็นผู้นำทฤษฏีผู้นำตามตัวแบบของวรูม เยตตัน และแจโก มุ่งวิเคราะห์องค์ประกอบต่าง ๆ ด้านสถานการณ์ ว่ามีผลกระทบต่อระดับความร่วมมือของพนักงานมากน้อยเพียงไรทฤษฏีภาวะผู้นำ ทฤษฎีต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาวะผู้นำ แยกได้เป็นทฤษฎีคุณลักษณะผู้นำ ทฤษฏีพฤติกรรมผุ้นำ และทฤษฏีตามสถานการณ์<br /><span style="color:#33ccff;">ทฤษฎี X ทฤษฎี Y ของแมคกรีกอร์</span> (Douglas MC Gregor Theory X, Theory Y ) เขาได้เสนอแนวคิดการบริหารอยู่บนพื้นฐานของข้อสมมติฐานเกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษย์ต่างกัน<br /><span style="color:#ff0000;">ทฤษฎี X</span> ทฤษฎีนี้เกิดข้อสมติฐานดังนี้<br />1. คนไม่อยากทำงาน และหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ<br />2. คนไม่ทะเยอทะยาน และไม่คิดริเริ่ม ชอบให้การสั่ง<br />3. คนเห็นแก่ตนเองมากว่าองค์การ<br />4. คนมักต่อต้านการเปลี่ยนแปลง<br />5. คนมักโง่ และหลอกง่าย ผลการมองธรรมชาติของมนุษย์เช่นนี้ การบริหารจัดการจึงเน้นการใช้เงิน วัตถุ เป็นเครื่องล่อใจ เน้นการควบคุม การสั่งการ เป็นต้น<br /><span style="color:#ff0000;">ทฤษฎี Y</span> ทฤษฎีข้อนี้เกิดจากข้อสมติฐานดังนี้<br />1. คนจะให้ความร่วมมือ สนับสนุน รับผิดชอบ ขยัน<br />2. คนไม่เกียจคร้านและไว้วางใจได้<br />3. คนมีความคิดริเริ่มทำงานถ้าได้รับการจูงใจอย่างถูกต้อง<br />4. คนมักจะพัฒนาวิธีการทำงาน และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ผู้บังคับบัญชาจะไม่ควบคุมผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างเข้มงวด แต่จะส่งเสริมให้รู้จักควบคุมตนเองหรือของกลุ่มมากขึ้น ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน<br /><span style="color:#ffff00;">5)ทฤษฎีอธิบายมนุษยสัมพันธ์และแรงจูงใจ<br /></span><span style="color:#ff0000;">ตอบ</span> <span style="color:#33ccff;">ทฤษฏีความต้องการ 5 ขั้นของอับราฮัม มาสโลว์</span> ได้แก่ ความต้องการด้านกายภาพ ความปลอดภัย ความต้องการด้านสังคม ความต้องการได้รับการยกย่องนับถือ และความต้องการสำเร็จสมหวังในชีวิต<br /><span style="color:#33ccff;">ทฤษฏีความต้องการ 5 ขั้นของอีริค ฟรอมม์</span> มนุษย์มีความต้องการ 5 ประการ ได้แก่ มีสัมพันธภาพ สร้างสรรค์ มีสังกัด มีเอกลักษณ์แห่งตน และมีหลักยึดเหนี่ยว<br /><span style="color:#33ccff;">ทฤษฏีการเสริมแรงของสกินเนอร์</span> การเสริมแรงของมนุษย์มีพื้นฐานอยู่บนปัจจัย 3 ประการ ได้แก่ มนุษย์จะมีพฤติกรรมตามการเสริมแรงที่เกิดขึ้นกับตนและการทำงานของตน เป็นพฤติกรรมที่สามารถวัดหรือสังเกตได้ และการเสริมแรงที่เหมาะสมนั้นจะทำให้พฤติกรรมที่เป็นที่ต้องการมีเพิ่มขึ้น และที่ไม่ต้องการมีลดน้อยลงไป แบ่งเป็น การเสริมแรงทางบวก คือ การให้รางวัลในผลลัพธ์จากการกระทำที่ต้องการหรือปรับปรุงพฤติกรรม และการเสริมแรงทางลบ คือ การให้รางวัลจากการสามารถขจัดสิ่งที่ไม่ต้องการออกไปได้<br /><span style="color:#33ccff;">ทฤษฏีจิตวิเคราะห์ของฟรอยด์</span> โครงสร้างบุคลิกภาพของมนุษย์ ประกอบไปด้วยพลัง 3 ประการ ได้แก่ <span style="color:#ff0000;">Id </span><span style="color:#ff0000;">Ego </span>และ <span style="color:#ff0000;">Superego<br /></span>ทฤษฏีสององค์ประกอบของเฟรเดอริค เฮอร์ซเบิร์ก แรงจูงใจของมนุษย์เกิดขึ้นจากปัจจัยสองอย่าง ได้แก่ สิ่งทำให้เกิดความไม่พอใจและสิ่งที่ทำให้เกิด</span></div></div></div></div></div></div></div></div></div></div></div></div></div></div></div></div></div></div></div></div></div></div>Unknownnoreply@blogger.com